นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา แอมเวย์มอบโอกาสและความสำเร็จให้กับผู้คนทั่วโลก ด้วยต้นแบบโมเดลธุรกิจที่เป็นไปได้จริงและร่วมสมัย การจ่ายผลตอบแทนที่ยุติธรรมและมั่นคง พิสูจน์จากการที่แอมเวย์ครองแชมป์ธุรกิจขายตรงอันดับหนึ่งของโลกอย่างต่อเนื่อง และแอมเวย์ยังปรับตัวอยู่ตลอดเวลาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อให้ทันยุคทันสมัย สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ตลอดจนตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอาชีพที่มีความอิสระ สามารถทำรายได้ได้จริง เห็นผลรวดเร็วและมั่นคง
โดยในปีนี้แอมเวย์ได้ทุ่มงบลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์แอมเวย์ทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวโปรแกรม “คอร์พลัส” (CORE PLUS+) เพื่อปรับโครงสร้างรายได้เพิ่มเงินรางวัลพิเศษนอกเหนือจากแผนรายได้หลักให้กับนักธุรกิจแอมเวย์ทุกระดับ ด้วย 3 จุดเด่น ได้แก่ 1.ได้ง่าย – ช่วยให้นักธุรกิจรายใหม่สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายและเร็วขึ้น 2. ได้เพิ่ม – ช่วยให้นักธุรกิจในช่วงสร้างธุรกิจได้รับเพิ่มทั้งเงินรางวัลและลำดับขั้นความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น 3. เติบโตยั่งยืน – ช่วยให้นักธุรกิจระดับผู้นำสามารถทำรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง มีองค์กรธุรกิจที่มั่นคง ตลอดจนสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืน รองรับด้วยแผนพัฒนาทักษะความรู้ทางธุรกิจและแผนการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยแอมเวย์ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมคอร์พลัส ในวันที่ 1 กันยายนนี้
นอกจากนี้เพื่อรองรับการเติบโตเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงในอนาคต แอมเวย์ยังทุ่มงบลงทุนด้านการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักธุรกิจแอมเวย์และผู้บริโภค ด้วยอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มรูปแบบ แอพพลิเคชั่นหลากหลายที่สนับสนุนการทำธุรกิจให้ง่ายขึ้น และนักธุรกิจแอมเวย์สามารถสร้างการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Selling) ด้วยการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ต่างๆ เข้ากับประสบการณ์ด้านดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด จากการลงทุนครั้งใหญ่นี้ แอมเวย์มั่นใจว่าจะครองความเป็นผู้นำรับโลกอนาคตในยุคดิจิทัลได้ เพราะแอมเวย์มีจุดเด่นที่เป็นธุรกิจ Hi-tech และ Hi-touch ด้วยความทันสมัยของเครื่องมือดิจิทัลกับความเป็นมืออาชีพของนักธุรกิจแอมเวย์ จึงทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน โดยแอมเวย์ประเทศไทยเชื่อมั่นว่าภายในปี 2568 จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยยอดขาย 30,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน