W9 Wellness เผยเทรนด์สุขภาพแห่งปี 2568 Beyond Analog Wellness มาแรง ปรับสมดุลสู่วิถึดั้งเดิม

35
{"ARInfo":{"IsUseAR":false},"Version":"1.0.0","MakeupInfo":{"IsUseMakeup":false},"FaceliftInfo":{"IsChangeEyeLift":false,"IsChangeFacelift":false,"IsChangePostureLift":false,"IsChangeNose":false,"IsChangeFaceChin":false,"IsChangeMouth":false,"IsChangeThinFace":false},"BeautyInfo":{"SwitchMedicatedAcne":false,"IsAIBeauty":false,"IsBrightEyes":false,"IsSharpen":false,"IsOldBeauty":false,"IsReduceBlackEyes":false},"HandlerInfo":{"AppName":2},"FilterInfo":{"IsUseFilter":false}}

ในยุคที่โซเซียล มีเดีย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ผู้คนใช้เวลาอยู่กับโลกดิจิทัลมากขึ้น  แทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกในชีวิตจริง (Analog world) โดยไม่รู้ตัว หลายคนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการสร้างและเสพภาพลักษณ์ที่ดูดีบนสื่อโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ภาพอาหารสุดหรู การช้อปปิ้งสินค้าราคาแพง การท่องเที่ยวอย่างอิสระ หรือการใช้ชีวิตในแบบที่ดูน่าอิจฉา ซึ่งมักเป็นเพียงด้านที่สวยงาม หรือประสบความสำเร็จ  เมื่อโลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต การเปรียบเทียบชีวิตกับผู้อื่น การมองตัวเองว่าเป็นผู้ล้มเหลว หรือความต้องการได้รับการยอมรับจากสังคมดิจิทัล อาจนำไปสู่ความเครียดสะสมและความปรารถนาที่จะมีในสิ่งเดียวกัน

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ปัญหาด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะด้านสุขภาวะทางอารมณ์ เช่น ความรู้สึกด้อยค่า ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความรู้สึกท้อแท้ ภาวะหมดไฟในการทำงาน อันเกิดจากการพยายามอย่างหนักแต่กลับรู้สึกว่ายังด้อยกว่าคนอื่น รวมถึงความน้อยใจต่อโชคชะตา จนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ซึ่งข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตชี้ว่า ในปีที่ผ่านมาคนไทยมีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นถึง 17.2% ทำให้กระแส “Social Detox” ได้รับความนิยมมากขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้คน ล็อกเอ้าท์ ออกจากการใช้เวลาอยู่ในโลกเสมือน หันกลับมามีปฏิสัมพันธ์กับโลกแห่งความเป็นจริง และค้นหาความสุขจากสิ่งรอบตัวที่จับต้องได้

นายแพทย์พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ ผู้อำนวยการศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม W9 Wellness Center  เปิดเผยว่า ตลอดการให้บริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมากว่า 10 ปี การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากการมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพกายและใจที่สมดุล ที่นอกจากการรักษาถึงต้นตอปัญหา ก็ยังเน้นการป้องกันดูแลสุขภาพก่อนเกิดโรค สร้างความสมดุลสุขภาพให้แข็งแรงในทุกมิติ โดยในปี 2568 นี้ W9 Wellness ตอบรับเทรนด์การดูแลสุภาพแนวใหม่แบบ “Beyond Analog Wellness” ให้ควบคู่กับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

Analog Wellness ไม่ใช่การตัดขาดจากโลกดิจิทัล หรือปฏิเสธเทคโนโลยีโดยสิ้นเชิงไปเลยแบบที่หลายคนเข้าใจ แต่คือการเลือกใช้ เลือกรับ และจัดสรรเวลาในชีวิตประจำวัน ที่เน้นสร้างสมดุลของตัวเองเพื่อให้อยู่ในโลก Analog และ Digital ได้โดยได้รับทั้งความสะดวกทางกาย และมีความสุขทางใจ โดยเฉพาะในเด็ก จะต้องถูกย้ำสอนให้เกิดการตระหนักรู้ และปรับมุมมองให้เกิดการแยกตัวต่อโลกดิจิทัล (Digital detachment) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางใจต่อโลกโซเชียลตั้งแต่เล็ก เพื่อไม่ให้ส่งผลถึงปัญหาสุขภาพจิตในช่วงวัยรุ่นเหมือนที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ท่ามกลางกระแส Social Detox แนวคิด Analog Wellness ได้รับความสนใจและกลายเป็นเทรนด์สุขภาพอันดับหนึ่งของโลก ในปี 2568 แนวคิดนี้เน้นการกลับมาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ลดการพึ่งพาดิจิทัล และเชื่อมโยงกับธรรมชาติมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การกลับมาได้รับความนิยมของกิจกรรมออฟไลน์อย่าง Journaling หรือการเขียนบันทึกด้วยลายมือแทนการใช้แอปพลิเคชันจดโน้ต การอ่านหนังสือเล่มจริงแทน E-Book ช่วยให้ดวงตาได้พักและลดความเหนื่อยล้าจากแสงสีฟ้า ไปจนถึงการกลับมาของร้านหนังสือที่กลายเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนความคิด และสร้างชุมชนคนรักการอ่าน นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ผู้คนหันไปใช้เวลาว่างกับงานฝีมือ เช่น การปั้นเซรามิก การถักไหมพรม หรือกิจกรรมที่ช่วยให้เราหลุดจากหน้าจอและกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

หนึ่งในแนวทางของ Analog Wellness ที่ได้รับการศึกษามาแล้วว่ามีประโยชน์มหาศาลคือ Forest Bathing หรือการอาบป่า ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น งานวิจัยพบว่าการใช้เวลาอยู่ในป่าเป็นประจำ ในบรรยากาศที่สงบเงียบ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้า สามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด (cortisol) เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว NK cell ที่ทำหน้าที่หลักในการต่อต้านเชื้อไวรัส และป้องกันการก่อตัวของโรคมะเร็ง และช่วยปรับสมดุลจิตใจให้สงบขึ้น เมื่อร่างกายและจิตใจได้รับการฟื้นฟู ความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณกับธรรมชาติก็เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเปิดรับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ลึกซึ้ง (deep sensory engagement) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพองค์รวม โดยมีความสัมพันธ์กับเทรนด์ที่เกี่ยวข้องอย่าง Dirty Wellness แปลว่าการจะสุขภาพดีได้เราต้องไปเลอะเทอะให้มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดสุขภาพเชิง wellness อันดับหนึ่งของปีที่แล้ว ก็สนับสนุนให้ผู้คนสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น เช่น การเดินเท้าเปล่าบนดิน (earthing) การปลูกผักทำสวนในดินที่อุดมสมบูรณ์ การช่วยกันแก้ไขวิกฤตดินเสื่อมสภาพ โดยเน้นการบำรุงดินแบบดั้งเดิม เลิกใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง หรือการใช้ชีวิตกลางแจ้งเพื่อให้ร่างกายได้รับความหลากหลายของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์

หลักการของ Dirty Wellness นี้ก็ยังได้เชื่อมโยงไปสู่ศาสตร์ของการควบคุมการทำงานของพันธุกรรมของมนุษย์โดยจุลินทรีย์ (Epigenetics of Microbiome) ที่เน้นว่าจุลินทรีย์ในร่างกายเราส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่เราเคยคาดคิด โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การรับประทานอาหารที่มี probiotics หรืออาหารเสริมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับทุกมิติของไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่คุณภาพของอากาศที่เราหายใจ พื้นผิวที่เราสัมผัส ไปจนถึงกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน การใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติและสัมผัสกับแบคทีเรียที่เป็นมิตรจากดิน น้ำ และอากาศ ล้วนแล้วแต่สามารถช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย ซึ่งมีผลต่อทั้งสุขภาพทางกายและจิตใจ เทรนด์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง

ดังนั้น การผสมผสานสองแนว ทั้งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกับ “Analog Wellness” จึงเป็นการดูแลสุขภาพที่มีความสมบูรณ์แบบ เพราะ “Analog Wellness” ช่วยให้หลุดพ้นจากความเครียดจากเทคโนโลยี ในขณะที่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมช่วยสร้างสมดุลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจในระยะยาว ผ่านการตรวจเชิงลึกและการปรับพฤติกรรม(Lifestyle Modification) ที่ดีเพื่อฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย จึงสร้างความยั่งยืนของสุขภาพที่แข็งแรงทั้งทางกายและจิตใจ เหล่านี้ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต ให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว

W9 Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพเชิงเวลเนส และตรวจสุขภาพองค์รวม https://w9wellness.com/