ธนชาตประกันภัย แนะพ่อแม่เฝ้าระวัง 4 โรคฮิตในเด็กช่วงเปิดเทอม เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก และโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ RSV ส่งตัวช่วยบริหารความเสี่ยงด้านการเงินหากลูกเจ็บป่วย ด้วย “ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล Happy PA for Child” ที่มีความคุ้มครองแบบไฮบริด ตอบโจทย์ทุกความกังวลทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพ ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล พ่อแม่ไม่ต้องสำรองจ่ายทั้งในกรณีเข้ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอกและแบบผู้ป่วยในกับโรงพยาบาลในเครือข่ายที่มีกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ มั่นใจดูแลลูกเล็กในวัยเรียนได้อย่างครอบคลุม ช่วยแบ่งเบาภาระให้พ่อแม่ได้ผ่อนคลายความกังวลในยามที่ลูกรักเจ็บป่วยได้เป็นอย่างดี
นายคงศักดิ์ หาญแสวงสิน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานผลิตภัณฑ์ประกันภัย บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากข้อมูลรายงานการเกิดโรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ป่วยโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กวัยเรียนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ในช่วงเปิดเทอมนี้พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน เริ่มเป็นห่วงบุตรหลานที่ต้องเข้าสู่รั้วโรงเรียนอีกครั้ง เพราะอาจมีกิจกรรมที่ให้เด็กๆ ทำร่วมกัน มีความใกล้ชิด และมีจุดสัมผัสร่วม หรือแตะต้องสิ่งต่างๆ โดยไม่ทันได้ระวังเรื่องของโรคติดต่อ ผู้ปกครองจึงควรเตรียมรับมือให้พร้อมในเรื่องเหล่านี้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะปัจจุบันมีประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกับโรคที่พบบ่อยในเด็ก โดยเฉพาะ “ผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล Happy PA for Child” ของธนชาตประกันภัย ที่สามารถช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองคลายความกังวลเมื่อลูกเจ็บป่วยด้วยโรคที่พบบ่อยในเด็กได้ เพราะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 4 โรค ประกอบด้วย โรคไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก และโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ RSV ทั้งกรณีนอนโรงพยาบาลและเป็นผู้ป่วยนอก โดยผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาในรูปแบบไฮบริด ผสมผสานระหว่างประกันภัยอุบัติเหตุและประกันภัยสุขภาพ ที่ซื้อ 1 คน แต่ได้รับความคุ้มครองถึง 2 คน
ซึ่ง “ผลิตภัณฑ์ประกันอุบัติเหตุเพื่อลูกรัก Happy PA for Child” นอกจากจะให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุพ่อแม่หรือผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้เอาประกันแล้ว ยังขยายความคุ้มครองไปยังบุตรหลานหรือผู้ที่อยู่ในอุปการะ อายุตั้งแต่ 1 – 20 ปี ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุไม่จำกัดจำนวนครั้ง และมีความพิเศษตรงที่มีค่ารักษาพยาบาลจาก 4 โรคที่เด็กเป็นบ่อย พร้อมอำนวยความสะดวกให้พ่อแม่ไม่ต้องสำรองจ่ายทั้งในกรณีเข้ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอกและแบบผู้ป่วยในกับโรงพยาบาลในเครือข่ายที่มีกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ส่วนค่าเบี้ยประกันภัยนั้นก็ไม่แพงอย่างที่คิดเมื่อเทียบกับประกันสุขภาพทั่วไปของเด็ก อีกทั้งยังสามารถผ่อนชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการและเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด จึงเชื่อว่าตอบโจทย์พ่อแม่หลายๆ บ้านได้เป็นอย่างดี โดยผู้สนใจสามารถซื้อหรือสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้จากช่องทางที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ธนชาตประกันภัย www.thanachartinsurance.co.th ติดต่อเจ้าหน้าที่ โทร.0-2666-8899 หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ทุกสาขา และตัวแทน โบรกเกอร์ต่างๆ
สำหรับโรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงเปิดเทอม ทั้ง 4 โรคนั้น สาเหตุเกิดจากอะไร และป้องกันอย่างไร ธนชาตประกันภัย มีข้อมูลแนะนำ ดังนี้
- โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี มียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการไข้สูงลอย ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก มีผื่น และอาจมีภาวะเลือดออก การป้องกันที่สำคัญ คือ ป้องกันบุตรหลานไม่ให้ยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายภายในบ้านและรอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ
- โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อจากการไอหรือจาม หลังรับเชื้อมักมีอาการทันทีหรือประมาณ 1 – 2 วัน โดยมีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก อ่อนเพลีย มีน้ำมูกใส ซึ่งป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย ล้างมือสม่ำเสมอ สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
- โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ RSV เป็นโรคที่พบมากสุดในเด็กช่วงเปิดเทอม เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ติดต่อผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก หรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัส อาการของโรค คือ มีไข้ ไอรุนแรง หายใจลำบาก หายใจเร็ว มีเสียงวี้ด เสมหะมาก ซึม กินอาหารได้น้อยลง การป้องกัน หมั่นล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสคนแปลกหน้า ทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ และดูแลอากาศในบ้านให้โปร่งไม่อับชื้น
- โรคมือเท้าปาก เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเอ็นเทอโรไวรัส พบมากในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 10 ปี โดยเด็กเล็กอาการจะรุนแรงกว่าเด็กโต มีตุ่มพอง ผื่นหรือแผลอักเสบบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และภายในปาก มีไข้สูง ไอ เจ็บคอ เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย ป้องกันโรคได้โดยสอนให้เด็กล้างมือเป็นประจำ ดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ และอุปกรณ์เครื่องใช้ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย