ภายในงาน ‘วันของ SME : Together We Are One’ ณ ลานเซ็นทรัลคอร์ท ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ มีผู้ประกอบการ SME ได้รับเชิญจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้มาจัดบูธแสดงสินค้า และหนึ่งบูธที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ บูธปลากัด bettaberry หรือ bb เลยอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนเข้าไปชมพร้อมพูดคุยกับ นภัทร-รมิดา ตาณธนพนธ์ เจ้าของกิจการดังกล่าว จึงได้ทราบว่ากิจการปลากัด bb ไม่มีหน้าร้าน เน้นการออกบูธและขายทางออนไลน์อย่างเดียว
คุณรมิดาเล่าให้ฟังว่า ตอนเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งใจเลยว่าต้องขายผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น เนื่องจาก ทำงานที่ไหนก็ได้ สามารถถ่ายภาพปลาและโพสต์ขายที่ไหนก็ได้ที่มีไวไฟ ส่วนยอดขายอยู่ที่ความขยัน ถ้าโพสต์บ่อยๆ มีปลาใหม่ๆหมุนเวียนมานำเสนอ ค่าเฉลี่ยการขายก็จะเพิ่มมากขึ้น จากการขายปลากัดอย่างเดียวขยายไปสู่โหลปลากัด อาหารปลากัด อุปกรณ์เลี้ยงปลากัด เพราะลูกค้าถามหา เลยคิดว่าควรจะขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงปลากัดด้วย เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาแล้วจบที่เดียวเลย
เมื่อถามว่าการเลี้ยงปลากัดขายมีความเสี่ยงไหม เธอตอบว่าปลากัดที่เลี้ยง เน้นปลาเกรดเอหรือเกรดส่งออกเท่านั้น ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของปลา ซึ่งการส่งไปต่างประเทศต้องใช้เวลาหลายวัน เช่นโซนยุโรปหรืออเมริกา โดยบรรจุน้ำบริสุทธิ์ในถุงพลาสติกใช้ระบบดับเบิลแพค เธอย้ำว่าน้ำที่ใช้บรรจุควรเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ หรือน้ำกรองเท่านั้น ถ้าน้ำมีคลอรีนจะทำให้ปลาตายระหว่างการขนส่งได้ ปลาสามารถอยู่ในถุงได้เป็นอาทิตย์ แม้การขนส่งอาจมีการกระทบกระเทือนบ้าง แต่ไม่มีปัญหากับปลา
จากเดิมการเลี้ยงปลากัดเน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก ซึ่งราคาดีมาก เคยขายได้สูงสุดถึงตัวละ 100 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 3,000 บาท แต่พอเริ่มออกบูธก็มีลูกค้าคนไทยเข้าสอบถาม และติดตามซื้อผ่านทางออนไลน์ ตอนนี้เลยไม่มีปลาเหลือสำหรับการส่งออก แม้การขายในเมืองไทยจะได้ราคาต่ำกว่าการส่งออก แต่สะดวกสำหรับการติดต่อและการขนส่ง นับเป็นอีกหนึ่งกิจการที่น่าสนใจมากทีเดียว
เครดิตภาพ : bettaberry thailand