กรมการขนส่งทางบก และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมลงนาม MOU ในการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาและลดอุบัติเหตุทางถนน
วันนี้ (27 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. ณ กรมการขนส่งทางบก นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) แนวทางการแบ่งปันข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงานและสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งไม่เพียงสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเท่านั้น ยังส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การยกระดับใบอนุญาตขับรถโดยปรับปรุงหลักสูตรการอบรมผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถเพิ่มเติม เนื้อหาการคาดการณ์อุบัติเหตุ (Hazard Perception) การพัฒนามาตรฐานยานยนต์ การส่งเสริมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศ เช่น โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์และการให้ความรู้ต่างๆ พร้อมทั้งได้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในการที่จะป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และในวันนี้การที่กรมการขนส่งทางบกและบริษัท กลางฯ ได้ร่วมบันทึกข้อตกลงแนวทางการแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน จึงถือเป็นการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพในการบูรณาการด้านข้อมูลและการทำงานร่วมกันของทั้งสองหน่วยงาน ในการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยเฉพาะข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และนำมาทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหาสาเหตุรูปแบบพฤติกรรมการขับขี่ ปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านผู้ขับรถ ด้านสภาพรถ และ ด้านสภาพแวดล้อม เพื่อให้หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงนโยบาย การกำหนดแนวทางมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงการประเมินผลการดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนให้เหลือ 12 คน ต่อแสนประชากรภายในปี 2570
นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวต่อไปว่า บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2540 ตามมาตรา 10 ทวิ โดยทำหน้าที่รับคำร้องขอและจ่ายค่าสินไหมทดแทน
ให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถแทนทุกบริษัทประกันภัยได้ โดยมีสาขาให้บริการประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีพันธกิจองค์กร ในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนด้วย จากจำนวนอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนในแต่ละปีนั้น ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายอย่างมากมาย ทั้งทรัพย์สินและชีวิต-ร่างกายบุคคล และยังคงมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในอัตราที่สูงจากข้อมูลผู้มาใช้สิทธิประกันภัย พ.ร.บ. รวมถึงข้อมูลการรับแจ้งการเกิดอุบัติเหตุทางถนนร่วมกับภาคีเครือข่ายรับแจ้ง มูลนิธิ กู้ชีพ กู้ภัย โรงพยาบาล บริษัทกลางฯ จึงได้นำข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด มาจัดทำเป็นสถิติรายงานการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผ่านศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ www.Thairsc.com แบบ REAL TIME เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลไปใช้จัดทำแนวทางในการป้องกันและแก้ไขการเกิดอุบัติเหตุทางถนนตามสถานการณ์อุบัติเหตุในแต่ละพื้นที่ และในวันนี้กรมการขนส่งทางบก ที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ ได้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูล จึงเกิดเป็นความร่วมมือกัน ระหว่างกรมการขนส่งทางบก กับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ในการแบ่งปันข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนจาก www.ThaiRSC.com เพื่อแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูล นำไปขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายและใช้ประโยชน์จากข้อมูล ดังกล่าวในการวิเคราะห์อุบัติเหตุเชิงลึก การบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการปกป้องและจัดเก็บข้อมูลตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมการขนส่งทางบกขอขอบคุณ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่มีการดำเนินการอย่างโดดเด่นในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย อันเป็นเป้าหมายเดียวกันกับกรมการขนส่งทางบก และนอกจากนั้นยังเป็นผู้นำด้านการจัดเก็บ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุเพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานอื่นๆ ที่ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย สามารถนำไปใช้พัฒนาการจัดการและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้เกิดประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป