สดช. ชวนหน่วยงานยื่นคำขอรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัล

326

นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า ระหว่าง 25 ก.ย.-24 ธ.ค. นี้ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สดช.) ได้เปิดให้หน่วยงานภาครัฐยื่นขอการรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัล ภายใต้โครงการบริหารจัดการและติดตามผลการรับรองหลักสูตรของหน่วยงานภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการรับรองหลักสูตรการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ให้ข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ จำนวน 6 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง ผู้อำนวยการกอง ผู้ทำงานด้านนโยบายและวิชาการ ผู้ทำงานด้านบริการ ผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยี และผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ เพื่อเร่งกำหนดมาตรฐานของหลักสูตรการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนกำหนดกลไกการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในสาขาที่เกี่ยวข้อง 

นายภุชพงค์  กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2564 และปี 2565 มีการรับรองหลักสูตรไปแล้ว 104 หลักสูตร  ส่วนในปี 2566 สดช.ตั้งเป้าที่จะรับรอง 70 หลักสูตร จึงขอเชิญชวนหน่วยงานและสถาบันอบรมต่าง ๆ ตลอดจนผู้พัฒนาหลักสูตรที่มีเนื้อหาด้านดิจิทัล เข้ามาขอยื่นรับรองหลักสูตรฯ ระหว่าง 25 ก.ย.-24 ธ.ค.นี้  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

นายภุชงค์กล่าวด้วยว่า สดช.มุ่งเน้นหลักสูตรที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะติจิทัลสำคัญ ได้แก่ กรรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไชเบอร์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ การเขียนโปรแกรม ความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย ความเข้าใจในสถาปัตยกรรมองค์กร การวิเคราะห์ข้อมูล และ การนำเสนอข้อมูล รวมถึงหลักสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการออกแบบกระบวนการทำงานและการให้บริการ การวางแผนกลยุทธ์ด้นดิจิทัล การบริหารจัดการโครงการ ความสามารถด้านผู้นำด้านดิจิทัล การพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในองค์กร การปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านดิจิทัล ความเข้าใจในเทคโนโลยีคลาวด์ และฐานข้อมูล

“สำหรับผลลัพธ์ของการดำเนินโครงการ จะช่วยให้เกิดระบบการรับรองหลักสูตรและฐานข้อมูลหลักสูตรด้านดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐสามารถสืบคั้นและพิจารณาก่อนวางแผนการพัฒนาให้กับข้าราชการ และบุคลากรให้ได้รับการอบรม พัฒนาทักษะ และสมรรถนะด้านดิจิทัลที่เหมาะสม ได้รับมาตรฐาน และการรับรองจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญ อันจะทำให้สามารถนำทักษะและสมรรถระที่ได้รับการพัฒนาไปใช้กับการปฏิบัติราชการ รวมถึงการให้บริการแก่ทุกภาคส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ขณะเดียวกัน หน่วยงานผู้พัฒนาหลักสูตรและจัดการศึกษาสามารถขึ้นทะเบียนและขอรับรองหลักสูตรผ่านระบบการรับรองหลักสูตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้ทรงคุณวุฒิสามารถทำการประเมินและรับรองหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายภุชพงค์ กล่าว