นายชินจิ คามิยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมามาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 ได้ผ่อนคลายลง และประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด 19 ได้ภายใต้การใช้ชีวิตวิถีปกติใหม่ จึงคาดหวังได้ว่าสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เงินเฟ้อภายในประเทศ รวมถึงสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลต่อตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า และทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเครื่องปรับอากาศได้รับผลกระทบและเติบโตน้อยกว่า ที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทฯ ก็ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งไว้ได้และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในฐานะ No.1 Brand ในผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศและปั๊มน้ำอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ด้านยอดขาย ของบริษัทฯ ในปีงบประมาณ 2565 (เมษายน 2565 – มีนาคม 2566) คาดว่าจะเติบโตได้ที่ 10%”
“สำหรับปีงบประมาณนี้ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มความหลากหลายของรุ่นผลิตภัณฑ์ รวมทั้งตั้งงบประมาณการตลาดและสร้างแบรนด์ไว้กว่า 1,200 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ คือ เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด Happy Inverter KX Series ด้านผลิตภัณฑ์ตู้เย็น ได้เพิ่มรุ่นในกลุ่มตู้เย็น 4 ประตู ใหม่ รุ่น 4D Smart Freeze ระบบอินเวอร์เตอร์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความจุที่เพิ่มมากขึ้นของตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้บริษัทฯ ได้พัฒนาศักยภาพของความพร้อมในระบบโครงสร้างพื้นฐานการจัดจำหน่าย โดยได้พลิกโฉมโชว์รูม AI Gallery ซึ่งตั้งอยู่ในที่ทำการสำนักงานใหญ่ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมสมบูรณ์ต่อการนำเสนอให้ลูกค้าและผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงคุณสมบัติและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการได้ ภายใต้แนวคิด “โซลูชัน เพื่อการประหยัดพลังงาน พร้อมความสะดวกสบาย” (Solutions for Energy Saving with Comfort and Convenience) ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการประหยัดพลังงาน ความสะดวกสบายในการใช้งาน ที่เหมาะสมทั้งการใช้งานภายในบ้านและการใช้งานเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ด้านการขนส่งโลจิสติกส์ และการบริการหลังการขาย บริษัทฯ ได้พัฒนางานด้านการบริการ เพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไปยังลูกค้าอย่างรวดเร็ว เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า”
ด้านนายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า กว่า 3 ปี ที่เราอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 มาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาคธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบรวมถึงในกลุ่มธุรกิจตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เช่นกัน บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในมาตรการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัดทุกครั้ง ในการให้บริการหลังการขาย โดยคำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ อีกทั้งปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิต อยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการด้านบริการหลังการขายมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น อาทิ การดูแลรักษาและล้างเครื่องปรับอากาศ รวมไปถึง Express Team Service หรือบริการซ่อมด่วน เสร็จไว ภายใน 24 ชม. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดีตลอดปีที่ผ่านมา โดยสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้กว่า 92% นอกจากนี้ เรายังคงสานต่อในเรื่องการพัฒนาบุคลากรช่างเทคนิคให้มีทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อรักษามาตรฐานและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยได้ฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเข้มข้น รวมถึงเปิดใช้พื้นที่อาคาร AI Center ให้เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ระดับ 1 ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมาตั้งแต่ปี 2563 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้ารับการอบรมหรือทดสอบได้ที่บริษัทฯ”
“ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ปรับองค์กรสู่ Digital Transformation นำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการบริการหลังการขายให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเชื่อมโยงผ่านระบบออนไลน์ และปรับการทำงานในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการรับบริการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาว โดยได้ยกระดับการบริการหลังการขายให้สมบูรณ์แบบ ด้วยการพัฒนาระบบ Online Service System ต่อเนื่องจากปีที่ ผ่านมาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เน้นการเชื่อมโยงระบบบริการหลังการขายของศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค สำนักงานใหญ่ และศูนย์บริการแต่งตั้งทั่วประเทศไว้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้การติดต่อประสานงานในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถติดตามความคืบหน้าในการให้บริการแก่ลูกค้าแต่ละรายได้แบบเรียลไทม์ทุกขั้นตอน รวมถึงเดินหน้าพัฒนาระบบ Warranty Online Register เพื่อให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนรับประกันสินค้าแบบเรียลไทม์ออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการนำระบบ Online Service เข้ามาใช้ในการทำงาน จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความ พึงพอใจของลูกค้าทั้งกลุ่ม B2C และ B2B ได้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเสริมความได้เปรียบทางการแข่งขัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการ
พัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ ตั้งแต่การสร้างคลังสินค้าขึ้นใน 2 ภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า โดยทางภาคเหนือ ที่จังหวัดลำปาง และในเขตภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่น พร้อมพัฒนาระบบการจัดการที่ทันสมัย เชื่อมโยงเครือข่ายจากศูนย์กลางผ่าน Online Service System เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าในสภาพสมบูรณ์และรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่จะช่วยให้ระบบการจัดจำหน่ายโดยรวมมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนได้ บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ภายใต้นโยบาย “รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ประสบความสำเร็จ และอยู่ในใจของผู้บริโภคชาวไทยตลอดไป”
นายชิซุโอะ นาคาสึคาสะ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า “แม้ว่าตลาดรวมเครื่องปรับอากาศของไทยในปี 2565 ที่ผ่านมา มีการเติบโตน้อยลง แต่ยังเชื่อว่าแนวโน้มตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้จะสามารถกลับมาคึกคักอีกครั้งจากสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยคาดว่าจะเติบโตราว 5-10% และในปีนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ต่อยอดขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยชูความเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านคุณภาพ ที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอบรับการใช้ชีวิตยุคใหม่ ช่วยให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมสุขอนามัยที่ดีและประหยัดพลังงาน ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับ ทุกความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศภายในบ้านที่เน้นเสริมไลน์อัพระบบอินเวอร์เตอร์เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในปีนี้ ได้แก่
• เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ ใหม่ รุ่น Happy Inverter KX Series ออกแบบมาเพื่อความสบายด้วยดีไซน์ที่สะดวกต่อการล้างทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมฟังก์ชัน ครบครัน คุ้มค่า ในระดับราคาที่จับต้องได้
• ตู้เย็นรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบรับวิถี New Normal ด้วยการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้มากยิ่งขึ้น
• พัดลมมิตซูบิชิ อีเล็คทริค
นอกจากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้เปิดตัวในปีนี้ บริษัทฯ เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางการขายผ่านกลยุทธ์การสื่อสารและกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเดินแผนกลยุทธ์ Sport Marketing ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (BGPU) เป็นปีที่ 5 พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านทั้งสื่อหลักและช่องทางออนไลน์ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในยุคดิจิทัล อาทิ Social Media, VDO Content, การใช้ Influencer และ KOL เป็นต้น รวมทั้งมีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และแคมเปญการตลาด พร้อมสนับสนุนช่องทางการขายให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนสื่อสารการตลาดครบวงจร ทั้งการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ การสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม นนท์ – ธนนท์ จำเริญ ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีภาพลักษณ์เป็นมิตร เข้าถึงง่าย ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างการรับรู้ในวงกว้างและสร้างความจดจำให้ แบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยภาพยนตร์โฆษณาชุด “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ไม่หยุดทำ แค่คำว่าดี” โดยในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ ตอกย้ำถึงดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ด้านการมุ่งมั่นว่าจะต้องทำในสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีที่สุด ไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต และเพื่อความสุขของผู้บริโภคทุกคน โดยจะเริ่มออกอากาศกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้”
“จากกลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ บริษัทฯมั่นใจว่าจะช่วยสานต่อความสำเร็จในการทำตลาดของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายชิซุโอะ กล่าว