Love for Humanity by SIRIRAJ เปิดโครงการ “ก้าวแรกของพระบรมศาสดา”

210

Love for Humanity by SIRIRAJ เปิดโครงการ ก้าวแรกของพระบรมศาสดาพันธกิจผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแก่ผู้ด้อยโอกาสชาวเนปาลให้พึ่งพาตัวเองได้ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อต่อยอดทางการรักษาอย่างยั่งยืน

ศิริราช “มอบความรักให้แก่มนุษยชาติ Love for Humanity by Siriraj” เปิดโครงการ “ก้าวแรกของพระบรมศาสดา” พันธกิจผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมให้ผู้ด้อยโอกาสชาวเนปาล พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้จากทีมแพทย์โรงพยาบาลศิริราชสู่ทีมแพทย์โรงพยาบาลสิทธัตถะ เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ที่ห้องสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช .นพ.     อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานเปิดโครงการ “ก้าวแรกของพระบรมศาสดา” ซึ่งได้รับการสนับสนุนร่วมจัดตั้งผ้าป่าหารายได้เป็นค่าใช้จ่ายให้กับคณะแพทย์    ได้เดินทางไปตรวจรักษาผู้ป่วยยากไร้ชาวเนปาลในครั้งนี้ จาก พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย   สันตุสสโก) เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย พระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (หลวงพ่ออนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เจ้าคณะภาค 6, 7 ธรรมยุต ร่วมด้วย .นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ประธานโครงการก้าวแรกพระบรมศาสดา

โครงการ “ก้าวแรกของพระบรมศาสดา” เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นเพื่อมอบโอกาสให้กับชาวเนปาลโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ได้กลับมาพึ่งพาตัวเองได้อีกครั้งผ่านพันธกิจผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เป็นความเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาข้อเข่าของทีมแพทย์โรงพยาบาลศิริราช สู่ทีมแพทย์โรงพยาบาล    สิทธัตถะ เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล รวมถึงแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศเนปาลที่มีความสนใจ ประเทศเนปาลเป็นดินแดนประสูติของพระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นผู้มอบคำสอนที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย พันธกิจในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของพระพุทธเจ้า ด้วยการมอบความปรารถนาดีอย่างยั่งยืนผ่านองค์ความรู้ที่จะทำให้แพทย์ในเนปาลได้นำไปต่อยอดรักษาผู้ป่วยต่อไปในอนาคต

.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล กล่าวถึงโครงการในครั้งนี้ว่า “ตลอด 135 ปี ที่โรงพยาบาลศิริราชอยู่คู่คนไทย เราไม่ได้เป็นเพียงโรงพยาบาล แต่เรายังเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ทั้งหมด 17 ศูนย์ และหนึ่งในความภาคภูมิใจนั้น คือศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม ซึ่งเรามีเทคโนโลยีการผ่าตัดชั้นสูง ที่ช่วยดูแลคนไทยไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างเท่าเทียม รวมถึงคนไทยตามพื้นที่ห่างไกลในภูมิภาคต่างๆ ด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ทีมแพทย์ของเรายังเห็นว่าประเทศเนปาลไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่เป็นต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนา แต่เรายังได้เรียนรู้จากศาสนาที่ดีที่สุดของโลก และชาวเนปาลเองยังขาดแคลนการรักษาทางการแพทย์ เราจึงต้องการส่งความรักไปยังมวลมนุษยชาติ ผ่านโครงการ Love for Humanity by Siriraj เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งพระองค์ท่านสอนเสมอในเรื่องการช่วยเหลือประชาชน ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หรือพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทยที่ว่า “True success is not in the learning, but in its Application to the benefit of mankind ความสำเร็จที่แท้ มิใช่อยู่ที่การเรียนรู้เท่านั้น แต่อยู่ที่ความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้นั้น ให้เกิดประโยชน์แก่ มวลมนุษยชาติ” สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่เราเน้นในการต่อยอดที่จะนำความช่วยเหลือจากคนไทยไปถึงทุกคนบนโลกใบนี้”

สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างวงการแพทย์และศาสนา คือการไม่เลือกชนชั้นวรรณะหรือศาสนา หากแต่พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียม โครงการนี้เกิดขึ้นได้และสามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากการสนับสนุนของ พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย พระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (หลวงพ่ออนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เจ้าคณะภาค 6, 7 ธรรมยุต

พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) กล่าวถึงที่มาของการสนับสนุนโครงการในครั้งนี้ว่า “หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) ท่านไม่เคยลดละที่จะอนุเคราะห์ด้านความเจ็บป่วยหรือโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเครื่องมือทางการแพทย์ และรถพยาบาล ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น ท่านยังช่วยไปถึงประเทศลาวที่ท่านมอบรถพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ในการผ่าตัดดวงตาให้ออกไปช่วยเหลือผู้คนในชนบท เมื่อทราบว่ามีโครงการนี้ อาตมาจึงเห็นว่าประเทศเนปาลนอกจากจะเป็นดินแดนประสูติของพระพุทธเจ้าแล้ว พระธรรมคำสอนของพระองค์นั้นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด และเพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของหลวงตามหาบัวในการช่วยเหลือผู้คน จึงได้บอกบุญญาติโยมร่วมทอดผ้าป่าเพื่อหารายได้สนับสนุนโครงการนี้ โดยนำศรัทธาของญาติโยมเปิดบัญชีขึ้นใหม่โดยไม่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคของทางศิริราช”

ทางด้าน พระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า “เมื่ออาตมาได้ทราบเรื่องราวของโครงการ อาตมาเห็นด้วยอย่างเต็มใจ เพราะเป็นโอกาสดีที่พวกเราชาวพุทธที่จะได้สร้างสิ่งที่เป็นมงคลในชีวิต เพราะประเทศของเราที่มีความสงบร่มเย็นมาอย่างยาวนาน ผู้คนมีน้ำจิตน้ำใจเหนือกว่าชาวต่างชาติทั่วไป เพราะซึมซับมาจากพื้นฐานของการเป็นชาวพุทธ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากองค์ศาสดา ซึ่งทรงอุบัติเกิดขึ้นมาจากเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล การที่เราจะไปทำอะไรให้แก่ชาวเนปาล อาตมาจึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่เราจะได้บูชาคุณพระพุทธเจ้าทางหนึ่ง สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนากับทีมแพทย์ เพราะเราไม่เพียงไปดูแลรักษา แต่เราเอาเทคโนโลยีทั้งหลายไปอมรมหมอที่นั่นให้เขาสามารถยืนอยู่ด้วยตัวเขาเองได้ อาตมาจึงเปิดบัญชีชื่อวัดป่าบ้านตาดเพื่อผู้ยากไร้และกระดูก สำหรับทอดผ้าป่าเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ”

พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (หลวงพ่ออนิลมาน ธมฺมสากิโย) กล่าวว่า “หากเปรียบกับประเทศไทยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของเนปาลถือว่ายังตามหลังอยู่ 30-40 ปี สำหรับผู้ด้อยโอกาสการเข้าถึงการรักษาจึงเป็นไปได้ยาก ความช่วยเหลือต่างๆ ไปไม่ถึง เพราะขาดทั้งเทคโนโลยี ขาดทั้งทุนทรัพย์ ทำให้คนเนปาลนั้นต้องพึ่งพาการหยิบยื่นจากสังคม ซึ่งมีวัดไทยในลุมพินีที่ให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาโรคตาและรักษาฟันอยู่เป็นประจำทุกปี

ส่วนการรักษาข้อเข่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก นับว่าชาวเนปาลได้พึ่งบารมีของพระพุทธเจ้า และยังมีนัยยะที่สำคัญคือ การช่วยเหลือให้พวกเขากลับมายืนได้อีกครั้ง เป็นการคืนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยทรงประกาศไว้ว่า มนุษย์เราเป็นผู้ที่มีอิสรภาพมากที่สุดและสามารถพึ่งพาตนเองได้”

.นพ. กีรติ เจริญชลวานิช ประธานโครงการก้าวแรกพระบรมศาสดา กล่าวเสริมว่า “วงการแพทย์ไทยมีศักยภาพในการรักษาโรคข้อเข่าข้อสะโพก รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีประสิทธิภาพ แต่การไปเนปาลในครั้งนี้มีอุปสรรคและข้อจำกัดที่ต้องฟันฝ่ามากมาย ทั้งเรื่องภาษา เครื่องมือแพทย์ และการขนส่ง รวมถึงบุคลากรของเราที่ไม่สามารถไปครบทีมและยังต้องเตรียมการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการอีกต่อหนึ่งด้วย แต่หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือเมื่อผู้ป่วยเข้าโครงการแล้วต้องกลับมามีชีวิตได้ตามปกติ และปลอดภัยจากการผ่าตัดด้วย ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างหนักก่อนเดินทาง” 

ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 1 – 6 ตุลาคมนี้ ทีมแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่นำโดย ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยศัลยแพทย์กระดูกและข้อ วิสัญญีแพทย์ พยาบาลปฏิบัติการ และนักกายภาพ บำบัด รวมกว่า 30 คน จะเดินทางไปช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาสจำนวน 35 ราย ที่โรงพยาบาลสิทธัตถะ เมือง      ลุมพินี ประเทศเนปาล พร้อมถ่ายทอดความรู้แก่แพทย์ออร์โธปิดิกส์ที่โรงพยาบาลสิทธัตถะในเรื่องความก้าวหน้าด้านการดูแลบาดเจ็บทางกระดูกสันหลัง การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งเนื้องอกกระดูก ผู้ป่วยบาดเจ็บเอ็นไขว้เข่าฉีกขาด ผู้ป่วยผิดรูปทางเด็ก ผู้ป่วยกระดูกหักรอบข้อสะโพก รวมถึงโรคที่พบบ่อยทางมือ ผ่านระบบ Online และ On-site

สำหรับผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นผู้มอบความรักให้กับเพื่อนมนุษย์โดยไม่แบ่งชนชาติและชนชั้น เพราะทุกคนเท่าเทียม สามารถร่วมบริจาคได้ที่ บัญชีศิริราชมูลนิธิ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 016-300049-4 หรือ บัญชีวัดป่าบ้านตาดเพื่อผู้ยากไร้และกระดูก ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 510-458808-1