คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดโครงสร้างการดำเนินธุรกิจให้มีความชัดเจนเพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ผู้นำ Content Commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจัดทำโมเดลการดำเนินธุรกิจเพื่อ สนับสนุนกลยุทธ์องค์กรและเอาชนะความท้าทายทางธุรกิจเพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายหลังปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป’โดยมีแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม JKN ในทุกแพลตฟอร์มทั้ง Online และ Offline ภายใต้ 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนเทนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์เพื่อความสวยความงาม สอดรับเทรนด์ Health & Well Being และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับกลุ่มธุรกิจ Content บริษัทฯ จะนำจุดแข็งที่เป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์แบบ Output Deal ลิขสิทธิ์แบรนด์ดังระดับโลกที่มีความหลากหลายของเนื้อหาตอบสนองความต้องการผู้ชมทั้งในและต่างประเทศผ่านทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งเชื่อมั่นว่ายังเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี พร้อมคัดสรรและพัฒนาคอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชมในแต่ละกลุ่มเป้าหมายและนำมาเผยแพร่ผ่านช่อง JKN18 โดยมีรายการใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายเพื่อมอบสาระคู่ความบันเทิง เพื่อขยายฐานกลุ่มผู้ชมให้มากขึ้น เช่น รายการ Project Runway Thailand, รายการกีฬาประเภทมวย เป็นต้น รวมถึงตอกย้ำจุดแข็งรายการข่าวด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ภายใต้ลิขสิทธิ์ JKN-CNBC ที่มีฐานผู้ชมคอข่าวที่เหนียวแน่น เพื่อผลักดันช่อง JKN18 เป็นสถานีทีวีดิจิทัลที่ได้รับความนิยมของผู้ชมติด 1 ใน 10 ของประเทศ ภายใน 3 ปี พร้อมยังคงต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพด้านการสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ ตอกย้ำคุณภาพผลิตภัณฑ์ และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ Commerce ในรูปแบบ D2C ที่จะคัดเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่รับชมรายการในแต่ละช่วงเวลาเพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่หลากหลาย
ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Commerce ซึ่งถือเป็น New S Curve ที่ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางค์และเครื่องดื่มที่ดำเนินงานภายใต้ บริษัท เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ จำกัด และ บริษัท เจเคเอ็น เอ็มเอ็นบี จำกัด นั้น บริษัทฯ มีแผนนำสารสกัดจากกัญชงและกัญชามาใช้เป็นวัตถุดิบพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองเทรนด์สุขภาพ ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง หลังจาก อย. ให้ใบอนุญาตผลิตเครื่องดื่มและอาหารเสริมที่ใช้สารสกัดจากกัญชาและกัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในปีนี้รวมกันมากกว่า 50 รายการ เสริมความแข็งแกร่งด้านแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ เช่น ผลิตภัณฑ์ C-TRIA EXTRA CBD ในกลุ่มอาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากแบรนด์ ANNE SMILE และผลิตภัณฑ์ Anne Soap ในกลุ่มสินอุปโภคบริโภค , เครื่องดื่มชาข้าวหอมผสมชาในกัญชงปรุงสำเร็จภายใต้แบรนด์ เจเคเอ็น เครื่องดื่มสนุมไพรแบรนด์ HEAB MAX และเครื่องดื่มน้ำกัญชงแบรนด์ TO DA MOON วางจำหน่ายผ่านช่องทาง JKN18, แพลตฟอร์ม Social Media ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ขององค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้และผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2568 จะมียอดขายรวมเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Content 50% และธุรกิจ Commerce อีก 50% หลังจากในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 2,100 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ Content 85% และ Commerce 15%