ธุรกิจสื่อโฆษณามั่นใจเศรษฐกิจไทยเดินหน้า “โฟกัส มีเดีย” มองนักลงทุนไทย-เทศจะควักเงินลงทุนขยายธุรกิจและใช้เม็ดเงินเพื่อการโฆษณาทั้งรายใหญ่และรายย่อย เผยเป้าหมายไตรมาส4 ลุย 3,000 โครงการทั่วกทม.ยันชลบุรี
นายหลี่ จีงเหล่ย รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ นายณฐกร เสียงล้ำ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนางสาวมาริสา พิณประดิษฐ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลและธุรการ บริษัท โฟกัส มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านสื่อโฆษณาทั้งในและนอกลิฟต์ (Lift Advertising / Elevator Media)โครงการสำนักงานและคอนโดมิเนียม ร่วมให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน มองว่าทิศทางเศรษฐกิจของไทยจะดีขึ้นเพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีประสบการณ์ทางธุรกิจที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์
ทั้ง 3 คนมองตรงกันว่า รัฐบาลชุดใหม่น่าจะมีนโยบายส่งเสริมด้านธุรกิจเศรษฐกิจที่ใช้ได้จริง น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้ ซึ่งด้านหนึ่งจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงการที่อยู่อาศัยและโครงการสำนักงานที่เป็นเป้าหมายของโฟกัส มีเดีย ในการติดตั้งจอโฆษณาในลิฟต์และนอกลิฟต์
นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทหากถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น เมื่อเริ่มมีการใช้จ่ายมีเงินเข้ามาในตลาด ผู้ประกอบการก็จะเห็นช่องทางในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจสื่อโฆษณา บางธุรกิจที่ถึงแม้จะไม่ต้องโฆษณาก็อยู่ได้แต่ก็ยังต้องอาศัยสื่อโฆษณาในการสร้างแบรนด์และกระตุ้นยอดขาย และสิ่งนี้จะส่งผลให้ธุรกิจเอสเอ็มอีหรือธุรกิจรายย่อยก็ต้องคิดทำ
บริการของโฟกัส มีเดีย สามารถรองรับความต้องการของธุรกิจรายใหญ่และรายย่อยได้ ตอบโจทย์งบประมาณของลูกค้าที่หลากหลาย เราเป็นสื่อโฆษณาในลิฟต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีติดตั้งแล้วประมาณ 9,000 จอ ภายในปีนี้จะเพิ่มเป็น 14,500 จอใน 3,000 โครงการในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล และจังหวัดชลบุรี
นายหลี่กล่าวว่าลูกค้าของโฟกัส มีเดีย มีหลากหลายธุรกิจทั้งบริษัทในไทยและต่างประเทศ รวมถึงจีน
“ทิศทางธุรกิจจีนในไทยน่าจะมากขึ้นเพราะผู้ประกอบการหลายค่ายได้ตัดสินใจลงทุนแล้ว เช่น BYD, CHANGAN, AION ที่ล้วนเป็นยักษ์ใหญ่รถEV มีโครงการสร้างโรงงานในไทยแน่ มูลค่าการลงทุนของแต่ละค่ายนับพันล้านบาท” นายหลี่กล่าว
นายณฐกรเปิดเผยว่าเป้าหมายในไตรมาส 4 ของโฟกัส มีเดีย ภายในสิ้นปีนี้จะติดตั้งจอได้ครบไม่ต่ำกว่า 10,000 จอ และจะเพิ่มอีก 5,000 จอภายในไตรมาสแรกของปี 2567 ด้านจำนวนพนักงาน นางสาวมาริสากล่าวว่าเนื่องจากเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วมากเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีพนักงานเพียง 70 คน ถึงตอนนี้เพิ่มเป็น 130 คน ที่จีนนั้นโฟกัส มีเดีย เป็นเจ้าตลาดแต่ที่ไทยเรายังเป็นน้องใหม่ในธุรกิจ จึงยังต้องเรียนรู้ แสวงหาข้อมูล และพบเจอปัญหาใหม่ๆที่ท้าทายอยู่เสมอ ทางโฟกัสมีเดียยังต้องการบุคคลากรรุ่นใหม่ที่พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ไม่ยึดติดกรอบแบบเดิมๆ เข้าเป็นทีมงาน
นายณฐกรกล่าวเสริมว่าลูกค้าโครงการชุดปัจจุบันไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน แรกๆนั้นนิติบุคคลโครงการชุดยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นมีการให้ข้อมูลในรายละเอียดถึงประโยชน์ที่จะได้รับทั้งฝ่ายนิติบุคคลโครงการชุดและผู้อยู่อาศัย ปัจจุบันถือว่าทำงานง่ายขึ้นแม้จะยังมีปัญหาอยู่บ้าง
“โจทย์ที่ท้าทายของโฟกัส มีเดีย คือการเจาะตลาดโครงการชุดในกลุ่ม Luxury ที่ต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ทีมงานต้องทำการบ้านในการคัดเลือกสินค้าและบริการให้เหมาะสมและเสริมภาพลักษณ์ของโครงการชุดนั้นให้ทรงคุณค่ายิ่งขึ้น” นางสาวมาริสากล่าวในตอนท้าย