“ดูบ้าน กรุ๊ป” เผยธุรกิจโตสวนกระแส ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

367

คุณณพิชญา ไกรชวินยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดูบ้าน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งมีจุดเริ่มมาจากเราต้องการสร้างมาตรฐานในการก่อสร้างให้กับลูกค้า จึงมองหาสถาบันหรือสมาคมที่มีมาตรฐานมาเป็นแบบอย่าง เมื่อทราบว่าสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีการเปิดรับสมาชิก และทราบถึงข้อกำหนด ทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในสมาคมฯ ว่า ลูกค้าจะได้รับผลงานที่ดีตามมาตรฐานที่บริษัทรับสร้างบ้านควรให้ ที่สำคัญ บริษัทฯ มีการทำงานที่เป็นมาตรฐานตามข้อกำหนดของสมาคม

“ก่อนเข้าร่วมสมาคมฯ เราได้ทำงานอย่างหนัก แก้ไขในข้อผิดพลาด และพัฒนาขั้นตอนการทำงาน ทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นบริการก่อน และหลังการขาย การออกแบบไปจนถึงการก่อสร้างให้ดี สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อสมาคมพิจารณา ก็สามารถนำสิ่งเหล่านี้มาให้ตรวจสอบรวมถึงได้รับคำแนะนำจากเจ้าของธุรกิจรับสร้างบ้านชั้นนำของประเทศ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ เพราะเป็นโอกาสที่ยากมากที่เจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูงจะมาเยี่ยมชมบริษัท ไซต์งานก่อสร้าง พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมาแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างดูบ้าน”

ทั้งนี้ “การเป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่งผลดีต่อลูกบ้านของดูบ้าน ทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อย่างแรกคือ มาตรฐานของการก่อสร้าง ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่า ผลงานของเราถูกสร้างตามหลักวิศวกรรม และสถาปัตยกรรม โดยมีการตรวจสอบในทุกขั้นตอน และทำตามมาตราฐานของสมาคมรับสร้างบ้าน ข้อที่สองคือ สินเชื่อ ลูกค้าจะได้รับยอดสินเชื่อเต็มจำนวนของยอดก่อสร้าง ทั้งนี้จะเป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร ซึ่งดูบ้านนับเป็นบริษัทแรกในเชียงใหม่ ที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯ โดยลูกค้าที่สร้างบ้านกับสมาชิกที่อยู่ในสมาคมฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์และโปรโมชันพิเศษทางด้านสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำ อาทิ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ (ธนาคารกรุงศรีฯ, SCB, กรุงไทย, กสิกรไทย), การเบิกงวดงานงวดแรก สูงสุด 15%-20% ซึ่งปกติลูกค้าทั่วไปจะได้ 5 % (ธนาคารกสิกรไทย,กรุงไทย), ฟรี ค่าประเมินหลักประกันระหว่างก่อสร้าง (ธนาคารกสิกรไทย, กรุงศรีฯ) เป็นต้น”

คุณณพิชญา เปิดเผยถึงความเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ด้วยว่า “ในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างเป็นลำดับตามเป้าที่วางไว้ มียอดขายกว่า 56 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตต่อเนื่องของทุกหน่วยธุรกิจในปี 2566 ไว้ที่ 300 ล้านบาท ซึ่งเรามั่นใจว่าเป็นไปได้ ด้วยกลยุทธ์และทิศทางการตลาดปีนี้ที่วางไว้ โดยขยายกลุ่มลูกค้าไปยังระดับกลาง-บน และเพิ่มความหลากหลายให้กับโปรดักส์ที่มีบริการ ขณะที่งานก่อสร้างเราได้นำหลัก ESG มาปรับใช้ ซึ่งเป็นแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ไม่มุ่งหวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ สิ่งแวดล้อม, สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งแนวคิดนี้นักลงทุนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อร่วมกันลดการเกิดคาร์บอน หรือการสร้างคาร์บอนเครดิตขึ้นมาทดแทนในสิ่งที่ใช้ไป ไม่เพียงเท่านั้น ในส่วนของ Dobaan Property จะมีการ Pre-launch แพลตฟอร์มที่รวบรวมอสังหาริมทรัพย์ของเชียงใหม่ และเมืองหลัก เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น และจังหวัดหลักอื่นๆ รวมถึงขยายกลุ่มนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ในแพลตฟอร์มนี้ ดังนั้น 2 ปัจจัยนี้ จึงถือเป็นแกนหลัก ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจของเรา ทั้งจำนวนสมาชิก และยอดขาย”