Dow Pack Guru ชี้อนาคตเทรนด์บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกมาแรง เน้นนวัตกรรมลดโลกร้อน แก้ปัญหาขยะและสร้างความยั่งยืน

694

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ผู้นำด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science) มีความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาความท้าทายของโลกด้วยวิทยาศาสตร์และการมีส่วนร่วม เมื่อเร็ว ๆ นี้ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ 47th International Congress on Science, Technology and Technology-based Innovation ซึ่งจัดโดยสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยฯ ทีม Dow Pack Guru ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านแพคเกจจิ้ง ได้ร่วมสัมมนาเรื่อง “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนสำหรับบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต” พร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ในโลกธุรกิจแพคเกจจิ้งเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยลดโลกร้อนและแก้ปัญหาขยะได้อย่างไร

การผลิตบรรจุภัณฑ์ในยุคนี้นอกจากคำนึงถึงเรื่องความทนทานและความสวยงามแล้ว ยังต้องตอบโจทย์ของความยั่งยืนที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งกลายเป็นพันธกิจสำคัญสำหรับบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ทั้งหลายที่จะต้องร่วมกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยกันสร้างบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก

ปัจจุบันลูกค้าหันมาสนใจเรื่องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบยั่งยืนเกือบ 99% จึงทำให้ Dow เห็นความสำคัญของการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อมาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอนาคต โดย Dowมีนักวิจัยมากถึง 7,000 คนทั่วโลกเพื่อค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

ชมพูนุช จันทร์บัว Marketing Development Manager กล่าวถึงแนวโน้มของบรรจุภัณฑ์ในอนาคต นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการป้องกันสินค้าที่อยู่ภายในไม่ให้เสียหาย สามารถช่วยยืดอายุของอาหาร มีรูปแบบสวยงาม และสามารถนำไปใช้งานได้ง่าย สะดวกสบายแล้ว ยังมีอีกเทรนด์ที่กำลังมาแรงที่ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นคือการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์แบบรักษ์โลก โดยเริ่มตั้งแต่ออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ง่าย หรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เม็ดพลาสติกในการผลิตน้อยลงแต่ยังคงความแข็งแรงได้ดีดังเดิม  รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

Dow ได้มีการกำหนดเป้าหมายและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง มีผลการดำเนินงานที่สามารถวัดผลได้จริงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา และมีเป้าหมายการทำงานด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจนใน 2 พันธกิจหลัก โดยมุ่งเน้นในการลดคาร์บอนเพื่อลดโลกร้อนเพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น zero carbon และอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญคือเรื่องการกำจัดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นหยุดขยะพลาสติกไปจนถึงการส่งเสริมวงจรรีไซเคิลเพื่อเพิ่มผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคม ลูกค้า และธุรกิจของ Dow

อนุรักษ์ รัศมีอมรวิวัฒน์ Technical Service and Development  &Climate Change Specialist ได้กล่าวเสริมในประเด็นของคุณสมบัติบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกว่า “ปัจจุบันมีความท้าทายเรื่องความยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์อยู่ 2 เรื่อง คือทำอย่างไรให้เกิดการหมุนเวียนนำกลับมาใช้ซ้ำหรือเรียกว่าการกำจัดซากด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ส่วนอีกเรื่องคือภาวะโลกร้อนที่โลกกำลังให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก”

สำหรับวงจรของบรรจุภัณฑ์ที่มีการหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ได้นั้นมีอยู่ 3 ขั้นตอนคือ 1) การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้  2) การจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วกลับเข้ามาในวงจรรีไซเคิล และ 3) การนำวัสดุที่มีสัดส่วนของวัสดุที่ได้มาจากกระบวนการรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์อีกครั้ง

“Dow มีผลิตภัณฑ์ของเม็ดพลาสติกมากมายเพื่อเป็นโซลูชันให้ทั้งเจ้าของแบรนด์สินค้า (brand owner) และโรงงานแปรรูปพลาสติก (converter) เลือกนำไปใช้พัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้าให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% นอกจากนี้ Dow ยังมีนวัตกรรมเม็ดพลาสติกรีไซเคิลซึ่งผลิตจากกระบวนการ Mechanical Recycling ซึ่งได้รับรางวัลRingier Technology Innovation Awards”

pretty lovely little girl children with mother using clothing playing hide game when they doing housekeeping work at home together.

เมื่อลงลึกถึงกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนนั้น รังสรรค์ เชาว์สุวรรณกิจ Technical Service Manager ได้กล่าวถึงแนวโน้มการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่นำเสนอโซลูชันใหม่ ๆ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าว่า “เทรนด์ที่ลูกค้าสนใจคือการทำฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่บางและแต่ยังคงความแข็งแรงเหมือนเดิม รวมทั้งการนำ PCR (post-consumer recycled) Resin ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกที่มีส่วนผสมของพลาสติกที่ผ่านการใช้งานจากผู้บริโภคในสัดส่วน 40% สามารถนำมาผลิตเป็นฟิล์มหดรัดสินค้าที่ยังคงคุณสมบัติเทียบเท่ากับฟิล์มที่ทำมาจากเม็ดพลาสติกใหม่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เม็ดพลาสติกใหม่แล้ว จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 17% และประหยัดพลังงานได้กว่า 30% โดยประมาณ (ขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบ) ซึ่งช่วยให้ โรงงานแปรรูปพลาสติก (converter) เจ้าของแบรนด์สินค้า (brand owner) และบริษัทค้าปลีก( Retailer) บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนเองได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการช่วยหาทางออกวิธีใหม่ให้กับพลาสติกใช้งานแล้ว เพื่อไม่ให้ต้องกลายมาเป็นขยะ

Cape Town, South Africa, male wearing overall plasic wrapping boxes in packaging factory

นอกจากนี้รังสรรค์ได้ยกตัวอย่างสินค้าของ Dow ที่ใช้นวัตกรรมความยั่งยืน คือถุงฟิล์มอุตสาหกรรมประเภท Heavy Duty Shipping Sack (HDSS) ใช้บรรจุสินค้าที่มีลักษณะเป็นเม็ดหรือผงที่มีน้ำหนักบรรจุ 20-25 กิโลกรัม สามารถทำให้บางลงจากเดิมที่หนา 125 ไมคอน สามารถลดความหนาลงมาเหลือ 110 ไมคอน เท่ากับลดปริมาณการใช้พลังงานและวัตถุดิบในการผลิตลง

ดร.ธวัชชัย ตุงคะเวทย์ Senior Technical Service and Development Specialist กล่าวถึงหน่วยงาน Application Development Center ของ Dow ที่ทำหน้าที่ออกแบบและคิดค้นนวัตกรรมด้าน Flexible Packaging เพื่อมาตอบโจทย์ของลูกค้าทั้งฟิล์มเมกเกอร์และเจ้าของแบรนด์ เพื่อสร้างความก้าวหน้าในการพัฒนาถุงบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

“เทรนด์ของผลิตภัณฑ์ประเภท Food and Specialty Packaging เพื่อความยั่งยืนจะเน้นออกแบบจาก Flexible Packaging หรือบรรจุภัณฑ์ที่ประกอบด้วยวัสดุหลายชั้น มาเป็น Mono Material ซึ่งสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั้งหมดนี้สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

กรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จของ Dow คือการยกมาตรฐานถุงข้าวสารเป็นถุงข้าวรักษ์โลก ซึ่ง ดร.ธวัชชัยอธิบายเพิ่มเติมว่าในอดีตถุงบรรจุข้าวสารผลิตจากโพลิเมอร์ 2 ชนิด มีความหนา 110 ไมคอน ซึ่งไม่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Dow ร่วมมือกับ บริษัท CPI บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) และบริษัท พรีแพค ประเทศไทย จำกัด เพื่อพัฒนาถุงข้าวตราฉัตรขึ้นมาเรียกว่า “all PE recycle rice bag ” โดยนำเทคโนโลยี INNATETM ที่ Dow พัฒนาขึ้นมาช่วยทำให้ถุงข้าวมีคุณสมบัติบางลงแต่ยังคงมีความแข็งแรงใกล้เคียงเดิม ข้อดีคือสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ 100% ช่วยลดการใช้พลาสติก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

“ปัจจุบันนี้เรื่อง Future Packaging เป็นเรื่องไม่ไกลตัวเราอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้เราต้องช่วยกันลดผลกระทบที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้น ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกมากขึ้น” ชมพูนุชกล่าวสรุป