“เซ้าเทิร์น กรุ๊ป”ฉลองใหญ่55ปี มุ่งพัฒนา-รับผิดชอบสิ่งแวดล้อม

109

“เซ้าเทิร์น กรุ๊ป”ประกาศความสำเร็จธุรกิจของกลุ่มในรอบ 55 ปีทั้งปาล์มน้ำมัน เหมืองแร่ โลจิสติกส์  เผยก้าวข้ามอุปสรรคและวิกฤตการณ์จนแข็งแกร่ง  พร้อมเดินหน้าเป็นกลุ่มธุรกิจชั้นนำที่สามารถรับมือความเปลี่ยนแปลงแต่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัทเซ้าเทิร์น กรุ๊ป จำกัด ซึ่งประกอบด้วย 3 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมต่อเรือ  ธุรกิจเหมืองแร่และท่าเรือ และธุรกิจโลจิสติกส์และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ได้จัดงานฉลองครบรอบ 55 ปี ที่โรงแรมสวิส โฮเต็ล รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มีผู้มาร่วมงานจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ  อาทิผู้บริหารระดับสูงจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเชีย  ผู้บริหารจาก ปูนซีเมนต์ไทย ทิปโก้ แอสฟัลท์ ทักษิณ คอนกรีต เป็นต้น 

นางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกล่าวแสดงความยินดีที่บริษัทในเครือเซ้าเทิร์น กรุ๊ปได้ประกอบกิจการด้านเหมืองแร่และท่าเรือประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้ามาด้วยดี มีส่วนในการพัฒนาชุมชน ช่วยเหลือชาวบ้านในท้องถิ่นให้มีงานทำ มีรายได้  ในภาพรวมถือว่าเซ้าเทิร์น กรุ๊ปมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเจริญรุ่งเรือง

นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา ประธานกรรมการ กลุ่มทักษิณปาล์ม ในเครือเซ้าเทิร์น กรุ๊ป กล่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจากบริษัทโชคพนา (2512) จำกัด ไปทำโรงเลื่อยแปรรูปไม้หมอนรถไฟที่อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นก็บุกเบิกทำสวนปาล์มน้ำมัน  ทำโรงงานปาล์มน้ำมัน ขยายไปทำเหมืองแร่ยิปซั่ม ทำท่าเรือที่จังหวัดกระบี่ ทำโรงงานไม้เนื้อแข็ง ที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา  ตลอด 55 ปีของเซ้าเทิร์น กรุ๊ป เจริญเติบโตมาตามลำดับ  วิสัยทัศน์ที่จะต้องไปให้ถึงคือ เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก และการพัฒนาของโลกในอนาคต ซึ่งเราจะต้องปรับตัวตลอดเวลาพร้อมๆไปกับการแสวงหาสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

ดร.วิจักษ์ พงษ์เภตรา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจเหมืองแร่และท่าเรือ เซ้าเทิร์น กรุ๊ป และนายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง กล่าวว่า  กลุ่มธุรกิจเหมืองแร่ฯเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจเหมืองแร่ในภูมิภาคเอเชียที่ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและให้บริการขนส่งกับลูกค้า ยอดขายแร่ชนิดต่างๆในประเทศปีละ 4 ล้านตัน  ส่งออกขายต่างประเทศไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านตันต่อปี  กลุ่มลูกค้าที่รับซื้อเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์และยิมซั่มบอร์ด  ใช้หินก่อสร้างสำหรับโครงการก่อสร้างประเภทหินแกรนิต

“รายได้จากยอดขายส่งออกต่างประเทศของกลุ่มเหมืองแร่คิดเป็นร้อยละ 60 ปริมาณ 2.5 ล้านตันต่อปี แร่ที่ส่งออก 5 ชนิด ได้แก่ แร่ยิบซั่ม แอนไฮโดรต์  หินปูน โดโลไมท์ และกลุ่มแกรนิต ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตเหล็กในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่มาเลเชีย สิงคโปร์ อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวันและญี่ปุ่น  ทางด้านคู่แข่งของเราก็มีความเข้มแข็งสูง เช่น ผู้ผลิตประเทศโอมาน ยูเออีและเวียดนาม  ขณะที่รายได้ยอดขายจากตลาดในประเทศร้อยละ 40 ประมาณมากกว่า 4 ล้านตันต่อปี”

ดร.วิจักษ์กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจเหมืองแร่ฯผ่านปัญหาและอุปสรรคที่ท้าทายมาก  เริ่มตั้งแต่ปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง  ต่อมาต้องเจอพ.ร.บ. แร่ฉบับใหม่ก็เข้มงวดมาก  ปี 2563 เผชิญกับวิกฤติโควิด-19 กลุ่มบริษัทก็ผ่านมาได้ด้วยดี  ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุกฝ่ายทั้งหน่วยงาน บริษัทต่างๆในประเทศ ตลาดต่างประเทศ

“วิสัยทัศน์หรือทิศทางในอนาคตของเซ้าเทิร์น กรุ๊ปนั้น  เราจะต้องสร้างองค์กรให้เป็นบริษัทชั้นนำในด้านเหมืองแร่และท่าเรือในภูมิภาคเอเชีย  ผลิตสินค้ามีคุณภาพ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เน้นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ทุกด้าน การใช้ปัญญาประดิษฐ์  คำนึงถึงเศรษฐกิจสีเขียว ต้องเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ การทำงานเป็นทีม มีความซื่อสัตย์ มีน้ำใจ มุ่งมั่นในการทำงาน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และร่วมกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน” ดร.วิจักษ์กล่าว