กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่รายย่อยและประชาชนที่สนับสนุนแอปฯเรียกรถ ตบเท้าให้กำลังใจ พร้อมยื่นหนังสือถึงนายกฯ มั่นใจร่างกฎกระทรวงวิ่งรถผ่านแอปฯ สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย แถมก่อประโยชน์สูงสุดกับผู้โดยสาร
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มิ.ย.2564 ตัวแทนประชาชนผู้สนับสนุนแอปเรียกรถ และตัวแทนเครือข่ายผู้ขับขี่แท็กซี่ ชมรมผู้ขับขี่แท็กซี่ 4.0 และชมรมแท็กซี่พัฒนา นำโดย นายสุรพงษ์ สุขปูรณะ (ประชาชน) และ นายจิรภัทร โสภาลัย (แท็กซี่) เดินทางมาขอบคุณและให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จากนั้น เวลา 10.00 น. ได้ยื่นหนังสือขอบคุณถึง นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. ตามที่ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กระทรวงคมนาคม เสนอให้พิจารณา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา
นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังการรับหนังสือแล้ว จะส่งเรื่องให้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรี ต่อไป จากนั้น ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารืออีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ด้าน นายจิรภัทร โสภาลัย ตัวแทนเครือข่ายผู้ขับรถขี่แท็กซี่ฯ กล่าวว่า วันนี้บ้านเราเดินทางมาไกลแล้ว การที่เราจะวิ่งรับผู้โดยสาร ข้างทางแต่เพียงอย่างเดียว มันทำให้เราสิ้นเปลื้อง ทั้งพลังงานและเวลา ตอนนี้เครือข่ายผู้ขับรถขี่รถแท็กซี่ ก็อยากให้แอพพลิเคชั่น ถูกกฎหมาย เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์กับผู้ขับรถขี่รถแท็กซี่ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ขับรถขี่รถแท็กซี่ได้อย่างเพียงพออย่างแน่นอน ต่างจากเมื่อก่อนที่เรารับผู้โดยสารแต่ข้างทาง วันนี้เรารับผู้โดยสารได้ 2 ทางเราก็มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และก็อยากให้สมาชิกกลุ่มขับรถขี่รถแท็กซี่ ที่ได้มายื่นเรื่องคัดค้าน ปรับตัวมาวิ่งแบบเรารับผู้โดยสารได้ทั้ง 2 ทาง ไม่ว่าจะเป็นรับผ่านแอพฯ หรือรับข้างทาง ทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน
ทางกลุ่มฯเชื่อว่า ร่างกฎกระทรวงฯ นี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมและอนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้าง โดยการรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในการให้บริการและส่งเสริมให้ผู้ขับรถยนต์ดังกล่าว สามารถประกอบอาชีพได้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐยังให้การช่วยเหลือดูแลกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสูญเสียประโยชน์ โดยหวังว่ากฎกระทรวงฯ และกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง จะสามารถประกาศใช้ได้ในโอกาสแรกต่อไป
“ส่วนตัวไม่กังวลใจว่าการนำรถบ้านมาวิ่งเป็นรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปฯจะทำให้รถแท็กซี่ทั่วไปอยู่ไม่ได้ เนื่องจากรถแท็กซี่สามารถจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกวิ่งรถผ่านแอปฯ คู่ขนานไปกับวิ่งรับส่งผู้โดยสารตามรายทาง ซึ่งรถบ้านที่เปลี่ยนมาเป็นรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปฯ ไม่ได้สามารถทำได้ เพราะกฎหมายกำหนดเอาไว้ชัดเจน” แกนนำกลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ 4.0 ระบุ
ทั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าของรถส่วนบุคคลสามารถนำรถมาวิ่งเป็นรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปฯได้ แต่จะนำไปต้องขึ้นทะเบียน เปลี่ยนสถานะเป็นรถยนต์รับจ้างสาธารณะ อีกทั้งผู้ขับขี่จะต้องสอบใบขับขี่สาธารณะ ไม่ต่างจากรถแท็กซี่ทั่วไป นอกจากนี้ การเรียกเก็บค่าโดยสาร รถแท็กซี่ที่เข้าร่วมวิ่งรถผ่านแอปฯ สามารถจะเก็บเงินผ่านแอปฯได้เช่นกัน ขณะที่ ผู้โดยสารจะไม่ถูกปฏิเสธ เรียกใช้บริการได้ง่าย รู้ค่าโดยสารล่วงหน้าก่อนจะตัดสินใจใช้บริการ
ด้าน นายสุรพงษ์ สุขปูรณะ ตัวแทนประชาชนผู้สนับสนุนแอปฯเรียกรถ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนและคณะสนับสนุนการผ่านร่างกฎหมายเรียกรถผ่านแอปฯให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะเป็นความต้องการแท้จริงของประชาชนในฐานะผู้โดยสาร เนื่องจากที่ผ่านมา มักถูกปฏิเสธจากรถแท็กซี่ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล หากไม่ใช่เส้นทางเดียวที่คนขับรถฯต้องการจะไป ซึ่งการมีกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกเดินทางกับรถแท็กซี่ผ่านแอปฯหรือไม่ เพราะรู้ราคาล่วงก่อนตัดสินใจและไม่ถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่ต้องเจอกับสภาพรถที่สกปรก ผู้ขับขี่พูดจาไม่สุภาพ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าแต่เป็นสิ่งที่ยอมรับได้เพราะมีความปลอดภัยสูง และสามารถตรวจสอบเส้นทางการเดินทางได้ทุกระยะ