ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศระดับโลก คาดการณ์ว่าในช่วงพีคซีซั่นปลายปี 2563 ยอดสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ปริมาณการขนส่งสินค้าและธุรกรรมอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นราว 40% ขณะที่ประเทศไทยจะมียอดขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 30% ในช่วงพีคซีซั่นปลายปีนี้ ตามเมกะเทรนด์ เช่น โลกาภิวัตน์และการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าทั่วโลก ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลให้ยอดช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงช่วงเทศกาลช้อปปิ้งที่กำลังใกล้เข้ามา เช่น Black Friday, Cyber Monday, 12.12, เทศกาลคริสต์มาส จนถึงตรุษจีนปีหน้า
เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ยอดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปีซึ่งจะมีความต้องการใช้บริการขนส่งสูงขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคต้องการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลมากขึ้นหลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่บ้านมานานในช่วงแพร่ระบาด ประสบการณ์การช้อปปิ้งของผู้บริโภคในปีนี้จึงเปลี่ยนไปจากเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบทั้งธุรกิจค้าปลีก B2C และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ B2B ที่ต้องปรับตัวสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว
“ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ยังคงลงทุนและเสริมความแข็งแกร่งด้าน Operations ในทุกขั้นตอนการทำงานอย่างต่อเนื่องให้สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทฯ เพื่อเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกและยกระดับคุณภาพชีวิต ‘Connecting people, improving lives’ เราเตรียมการเป็นอย่างดีเพื่อรับมือกับความต้องการของลูกค้า และมั่นใจว่าการจัดส่งสินค้าจะถึงมือผู้รับภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด รวมถึงของขวัญช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่จะต้องถูกนำส่งไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกให้ทันตามกำหนดเวลา”
ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ระหว่างประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้น 21% ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดย 85% ของผู้คนทั่วโลกใช้เวลาช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ 45% ของคนรุ่นมิลเลนเนียล (Millennial) ยังคงช้อปออนไลน์อย่างต่อเนื่องถึงแม้จะเป็นช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเพื่อให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นไปอย่างราบรื่น ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสได้เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการ โดยเพิ่มจำนวนเครื่องบิน เส้นทางบิน การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโซลูชั่นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนี้
- เครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777F แบบ Wide Body จำนวน 6 ลำ – เครื่องบินจำนวน 4 ลำได้นำมาใช้งานในปีนี้แล้ว และเครื่องบินอีก 2 ลำจะถูกนำมาใช้ในเดือนหน้า โดยเครื่องบินทั้ง 6 ลำนี้จะช่วยให้ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสสามารถเพิ่มเที่ยวบินระหว่างทวีปได้มากขึ้น 3,000 เที่ยวต่อปี
- การลงทุนมูลค่ากว่า 690 ล้านยูโร ระหว่างปี 2020 – 2022 เพื่อสร้างและขยายศูนย์บริการ ฮับและเกต์เวย์ในการดำเนินงานในตลาดที่สำคัญ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเกาหลีใต้
- 60 ล้านยูโร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายทางอากาศของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในเส้นทางบินตรง เส้นทางบินใหม่ (เช่น เวียงจันทน์, ย่างกุ้ง) และเส้นทางที่บินบ่อย (เช่น โอเชียเนีย)
- iExpressByDHL แพลตฟอร์มการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่พัฒนาโดย ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย เพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการจัดส่งสินค้าสำหรับผู้ค้าออนไลน์ในประเทศไทยให้สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าในกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
เครื่องบินขนส่งลำใหม่ โครงสร้างพื้นฐานที่ขยายเพิ่มและเส้นทางบินใหม่ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะช่วยให้ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสสามารถรับมือกับปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริการขนส่งด่วนภายในเวลาที่กำหนด (Time Definite) ในขณะที่ชิปปิ้งแพลตฟอร์มเพื่อการขนส่งระหว่างประเทศอย่าง iExpressByDHL นั้นจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขายออนไลน์หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถเช็คราคาค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและบุ๊คเวลาขนส่งได้อย่างสะดวกผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ทำให้ประหยัดเวลาจัดการเรื่องลอจิสติกส์และได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซทั่วโลกได้อย่างเต็มที่
ปัจจุบัน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส มีเครื่องบินขนส่ง 260 ลำทั่วโลก ครอบคลุมสนามบินกว่า 500 แห่ง โดยมีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้ลูกค้ากว่า 2.7 ล้านราย คิดเป็นการขนส่งประเภทขนส่งด่วนภายในเวลาที่กำหนด (Time Definite) จำนวน 262 ล้านชิ้นต่อปี ครอบคลุม 220 ประเทศทั่วโลก สำหรับดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ในประเทศไทย เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 โดยมีเที่ยวบินขนส่งระหว่างประเทศราว 40 เที่ยวต่อวันจากศูนย์กลางที่ฮับและเกตเวย์ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์ขนส่งสินค้าระดับภูมิภาคของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส และเป็นเกตเวย์เชื่อมต่อสู่อินโดจีน