นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีการปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ความปกติวิถีใหม่ หรือ New Normal ซึ่งคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพและวางแผนทางการเงิน รวมถึงดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องการความสะดวกรวดเร็ว บริษัทฯ จึงพัฒนากระบวนการทำงานและการให้บริการสำหรับลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลมาสนับสนุน บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแนวทางการดูแลผู้เอาประกัน 3 รูปแบบใหม่ ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้เอาประกันในปัจจุบัน ประกอบด้วย “แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต” ที่เป็นเพื่อนคู่คิด ดูแลชีวิตครบ สำหรับผู้ถือกรมธรรม์ของบริษัทฯให้สามารถเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์และทำธุรกรรมประกันชีวิตด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา (Self Service) อาทิ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลตามกรมธรรม์ การแจ้งใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ การชำระเบี้ยประกันภัยผ่าน QR Code การขอหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัย เป็นต้น นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านสุขภาพและการวางแผนการเงินสำหรับผู้เอาประกันอีกด้วย
“แอปพลิเคชันได้รับออกแบบและพัฒนาบนแนวคิด Agile Methodology ซึ่งจะมีฟังก์ชันการใช้งานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะแรก บริษัทฯ มุ่งเน้นการการพัฒนา Foundation Feature เพื่อให้บริการขั้นพื้นฐานกับลูกค้า โดยในระยะถัดไป บริษัทฯ วางแผนพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานด้านต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งการเคลมสินไหมผ่านแอปพลิเคชัน (E-Claim) การชำระเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต (E-Payment) การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Virtual Hospital) เพื่อยกระดับการให้บริการสำหรับลูกค้า” นายไชย กล่าว
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันของบริษัทฯ สามารถดาวน์โหลด “แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต” ได้ฟรี ทั้งจาก App Store หรือ Google Play Store จากนั้นลงทะเบียนตามขั้นตอน ก็สามารถใช้บริการหรือเข้าร่วมโครงการต่างๆ ได้ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย ด้วยมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลจากนโยบายการดำเนินธุรกิจในการเป็นทุกคำตอบของชีวิต ตามแนวทางการสร้าง Eco-Health System เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีอย่างครบวงจรให้กับลูกค้าและคนไทย บริษัทฯ ยังได้พัฒนาโครงการ “ไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต” ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ที่มอบความฟิตในทุกด้านของชีวิต ภายใต้แนวคิด “Circle of Wellness” 4 ด้าน โดยผู้เข้าร่วมโครงการไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต ต้องเป็นผู้ที่ซื้อแบบประกันไทยไลฟ์ ฟิต 80/80 หรือสัญญาประกันชีวิตหลักใดๆ ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ พร้อมแนบสัญญาเพิ่มเติมแบบใดแบบหนึ่ง ที่เข้าโครงการไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต ซึ่งประกอบด้วย สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองการเสียชีวิตและค่ารักษาพยาบาลรายวันจากโรคร้ายแรง 2, สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 48 โรค, สัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพโกลด์, สัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลรายวัน (รพ.) ทั้งนี้ สมาชิกไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต จะต้องทำแบบประเมินสุขภาพ รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันสุขภาพ (Health Tracking Application) เพื่อส่งข้อมูลด้านสุขภาพ อาทิ ข้อมูลการออกกำลังกาย ผลตรวจสุขภาพ ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือใบเสร็จอาหารเพื่อสุขภาพ ฯลฯ สำหรับการสะสมคะแนนเป็นส่วนลดเบี้ยฯ ตลอดจนการรับโบนัสสุขภาพ รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรม Challenge ของบริษัทฯ เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ไลฟ์ฟิต จากร้านค้าพันธมิตรในโครงการฯ
ขณะเดียวกันเพื่อให้เกิด Eco-Health System อย่างครบรอบด้าน บริษัทฯ ได้มอบสิทธิพิเศษที่จะเติมเต็มความสุขและสุขภาพที่ดีให้กับผู้เอาประกัน ผ่านไทยประกันชีวิต Privilege ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ชำระรวมทุกกรมธรรม์ในแต่ละปี ประกอบด้วย ไทยประกันชีวิต INFINITE, ไทยประกันชีวิต ULTIMATE และไทยประกันชีวิต PRIMEโดยไทยประกันชีวิต INFINITE ซึ่งเป็นระดับสูงสุดสำหรับผู้เอาประกันที่ชำระเบี้ยฯ ต่อปีรวมทุกกรมธรรม์ตั้งแต่ 250,000 บาทขึ้นไป แบ่งออกเป็น 4 สถานะ คือ Classic, Silver, Gold และ Platinum ทั้งนี้ ผู้เอาประกันที่ถือกรมธรรม์ของบริษัทฯ จะได้ระดับสมาชิกทันทีโดยไม่ต้องสมัครหรือสะสมคะแนน และได้รับสิทธิพิเศษด้านการดูแล ที่ครอบคลุมชีวิตและสุขภาพรอบด้านทั้งกายและใจ ซึ่งผู้เอาประกันสามารถติดตามข้อมูลและรับสิทธิพิเศษต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต เช่นเดียวกัน