นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลฉลองปีใหม่ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึง 2 มกราคม 2563 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุมีทั้งสิ้น 373 ราย ทั้งนี้ พบว่ามีผู้ที่ได้ทำประกันชีวิตไว้เพียง 93 รายเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 24.93 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยมีจำนวนสินไหมประกันชีวิตรวมทั้งสิ้นกว่า44 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีผู้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตรวม 463 ราย แต่ทำประกันชีวิตไว้จำนวน 102 ราย คิดเป็นร้อยละ 22.03 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด คิดเป็นจำนวนสินไหมประกันชีวิตรวมทั้งสิ้น 52 ล้านบาท นั่นแสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความตระหนักและเห็นความสำคัญของการมีประกันชีวิต แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีไม่มากพอเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งอัตราผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตของชาวไทย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 39.53 เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆคือ คนไทย 100 คนมีการถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 39 ฉบับ หากเทียบกับประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างมาเลเซียที่ประชากร 100 คน ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 40 ฉบับ และประเทศสิงคโปร์ที่ประชากร 100 คน ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 267 ฉบับ เป็นต้น ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายังมีประชาชนชาวไทยอีกจำนวนมากที่ไม่มีความคุ้มครองจากประกันชีวิตไว้รองรับอนาคต ทั้งๆ ที่การสูญเสียประชากร 1 คนส่งผลกระทบในหลายๆด้าน ยิ่งถ้าผู้เสียชีวิตเป็นผู้นำครอบครัว ผลกระทบก็จะตามมาเป็นระลอกคลื่นไปยัง ภรรยา ลูก หรือพ่อแม่ ดังนั้นประกันชีวิตจึงเปรียบเสมือนตัวแทนความรักความห่วงใยที่ผู้เสียชีวิตทำไว้เพื่อชดเชยให้กับช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถอยู่เคียงข้างคอยดูแลคนที่รักและห่วงใยได้
ทั้งนี้ สมาคมประกันชีวิตไทยขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียมา ณ โอกาสนี้ และสำหรับญาติผู้เสียชีวิตที่มีความประสงค์ต้องการตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตได้ทำประกันชีวิตไว้หรือไม่ สามารถติดต่อมาที่สมาคมประกันชีวิตไทยเพื่อเป็นหน่วยงานกลางตรวจสอบ โดยแจ้งรายละเอียดชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้เสียชีวิต สุดท้ายนี้ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกัน โดยทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุอย่างน้อยครอบครัวละ 1 กรมธรรม์ เพื่อวางแผนลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน