ศาลปกครองสูงสุดชี้คำสั่งคสช.ไม่คุ้มครองทำผิดถมคลองเปรมฯ

202

ศาลปกครองสูงสุดชี้คำสั่งคสช. ไม่คุ้มครองการทำผิดกฎหมาย  ปล่อยผู้รับเหมาถมคลองเปรมฯสร้างบ้านมั่นคงและเขื่อนกันตลิ่ง  ผู้เดือดร้อนที่มีกรรมสิทธิ์/ครอบครองที่ดินริมคลองเปรมฯฟ้องดำเนินคดีได้

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลปกครองได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ผู้อยู่อาศัยริมคลองเปรมประชากรในพื้นที่ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 130 คน ร่วมกันยื่นฟ้องหน่วยงานต่างๆของรัฐ ได้แก่ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช.  กรมโยธาธิการและผังเมือง  กรมธนารักษ์  เทศบาลตำบลหลักหก  สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต และกรมชลประทาน ในกรณีที่หน่วยงานต่างๆดังกล่าวกระทำการถมดินลงคลองเปรมประชากรเพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  โดยเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น(ศาลปกครองกลาง) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา

ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่าเพราะหน่วยงานต่างๆปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ 9/2560 ข้อพิพาทจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง  แต่ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำสั่งคสช.ที่ 9/2560 มีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร ตามนโยบายของรัฐบาล  มีผลเป็นการทั่วไป โดยมิได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดโดยเฉพาะ

 “คดีที่ฟ้องอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองตาม มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ.2542”

อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าผู้ฟ้องทั้ง 130 รายไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินริมคลองเปรมประชากรบริเวณที่พิพาท  ไม่ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย  หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการดำเนินโครงการ  จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา

นายภาณุเมศร์ ศิรินรานันทร์ ผู้นำกลุ่มหลักหกรักษ์คลองเปรมประชากร ซึ่งเป็น 1 ใน 130 รายที่ยื่นฟ้องเปิดเผยว่า  ทางกลุ่มมีการประชุมหลังรับฟังคำสั่งศาลโดยมีข้อสรุปว่า  แม้ศาลจะไม่รับฟ้อง แต่ถือว่าการต่อสู้ของคนในพื้นที่ประสบความสำเร็จในการไม่ปล่อยให้หน่วยงานต่างๆของรัฐร่วมทำการถมคลองเปรมฯเพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงและเขื่อนกันตลิ่งอย่างผิดกฎหมาย โดยแอบอ้างคำสั่งคสช.ว่าให้การคุ้มครอง  โดยกลุ่มจะยังติดตามการทำงานและหาผู้รับผิดชอบในการถมคลองเปรมฯของทุกหน่วยงานต่อไป