72 ปี เมืองไทยประกันชีวิต มอบอาคารเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

216

เมืองไทยประกันชีวิตครบ 6 รอบ  มอบอาคารเรียนอนุบาล โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกระแสน  ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ  พร้อมประกาศความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบที่เรียนที่มีคุณภาพและสนับสนุนในการพัฒนาท้องถิ่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของเยาวชน

นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ บริษัทฯ ครบรอบ 72 ปี ที่ดำเนินธุรกิจอย่างเติบโตมั่นคง แข็งแกร่งและมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนเป็นสำคัญ  และเหนือสิ่งอื่นใดที่บริษัทฯ มีความพร้อมในการพัฒนาทุกด้านแล้ว  บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมเสมอมา  โดยในโอกาสนี้เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม  ได้ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22   ดำเนินโครงการ ก่อสร้าง “อาคารเรียนอนุบาล 72 ปี เมืองไทยประกันชีวิต” เพื่อมอบให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกระแสน ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โดยเป็นโรงเรียนที่ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี 2563  ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 3 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6  มีนักเรียนจำนวน 70  คน  ครูตำรวจจำนวน  9  นาย  ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนชั้นอนุบาล 3  มีความจำเป็นต้องแบ่งการใช้ห้องเรียนในอาคารเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษา  นอกจากนี้ยังดำเนินโครงการพัฒนาระบบน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค  และกิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โดยทั้ง 2 โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักเรียนจะได้มีสถานที่เรียนที่มีคุณภาพได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการตามความเหมาะสม และเยาวชนจะได้มีพัฒนาการและมีทักษะด้านวิชาการอย่างดีและมีคุณภาพ   

ในด้านการพัฒนาระบบน้ำเพื่อให้โรงเรียนสามารถใช้น้ำในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันและผลิตผลทางการเกษตรนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการทางอาหารของนักเรียน การสนับสนุนการพัฒนาระบบน้ำนี้ไม่เพียงเพิ่มโอกาสในการให้น้ำสะอาดให้กับโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ทำให้โรงเรียนสามารถผลิตอาหารกลางวันที่มีคุณภาพและสมบูรณ์ภายในโรงเรียนเองได้ ไม่เพียงเท่านี้ยังเป็นโอกาสที่นักเรียนจะได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ในการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำ ทำให้นักเรียนได้รับผลประโยชน์ทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการสร้างพื้นที่เรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันและการใช้ชีวิตของนักเรียนในชุมชน โดยสร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะทางการเกษตรและการบำรุงรักษาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ทันสมัยและใกล้ชิดกับความต้องการของสังคมในปัจจุบันและอนาคต

สำหรับเมืองไทยประกันชีวิต เราตั้งเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคมไทย ควบคู่ไปกับแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อคืนกำไรสู่สังคม  เมืองไทยประกันชีวิตตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาในการสร้างอนาคตที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กในพื้นที่ห่างไกล  เราพร้อมสนับสนุนและเสริมสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษา ด้วยความมุ่งหวังที่จะพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน เพราะเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศไทยต่อไปในอนาคต  

ทั้งนี้เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม  ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อการสนับสนุนและการพัฒนากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน  ตั้งแต่ปี  2557  รวมเป็นระยะเวลากว่า  9  ปี  ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านทุนการศึกษานักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในระดับมัธยมศึกษา  รวมทั้งสิ้น  324  ทุน  เป็นจำนวนเงิน  กว่า  11  ล้านบาท  การสนับสนุนการสร้างอาคารเรียนตั้งแต่ปี 2564-2566  จำนวน  4  อาคาร  ได้แก่ อาคารหอพักนักเรียนบ้านไกล รร.ตชด. บ้านแม่กลองคี ต.โมโกร อ.อุ้มผาง จ.ตาก     อาคารหอพักนักเรียนบ้านไกล รร.ตชด.บ้านโตแฮ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน   อาคารที่พักนักเรียนบ้านไกล  รร.ตชด.เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา (บ้านหม่องกั๊วะ)  ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง   จ.ตาก และอาคารเรียนอนุบาล รร.ตชด. ปูนอินทรี 50 ปี (บ้านห้วยกระแสน) ต.ป่าก่อ อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ  รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 3.5  ล้านบาท นอกจากนี้ยังร่วมสนับสนุนและพัฒนาด้านอื่น ๆอาทิ  โครงการพัฒนาระบบน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคและกิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน  7 แห่ง      กว่า  5 แสนบาท 

“เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ขอส่งมอบอาคารเรียนอนุบาล 72 ปี เมืองไทยประกันชีวิต และโครงการระบบน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคและกิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ทางการศึกษาต่อไป โดยเรายังคงสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพสังคม การส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกาย  การส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรม  ศาสนา  ตลอดจนการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม  เพื่อให้ประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกด้าน”  นายสาระ กล่าวอย่างภูมิใจ