BKI โตแกร่งกำไร 9 เดือน พุ่ง 2,546.1 ล้านบาท

372

BKI เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทำกำไรงวด 9 เดือน ปี 2566 พุ่ง 2,546.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217.3% เบี้ยประกันภัยรับรวม 21,981.5 ล้านบาท 

ผลการดำเนินงานของกรุงเทพประกันภัย งวด 9 เดือนของปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,981.5 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 12.7 มีกำไรสุทธิ 2,546.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 217.3 บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท 

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 (ก.ค.-ก.ย.) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,112.9 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 554.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.8 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัย 313.4 ล้านบาท 

บริษัทฯ มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 448.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 705.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 36.43 และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,002.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.6 โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 856.1 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 8.04 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 981.7 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 12.8 

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,981.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 1,619.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 123.1 มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,140.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 76.16 และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,759.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 224.4 โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,546.1 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 23.91 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขาดทุนสุทธิ 2,170.2 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 217.3 

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2566 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566  

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจบนพื้นฐานของการกำกับดูเเลกิจการที่ดี โปร่งใสและเป็นธรรม ปรับตัวให้เท่าทันทุกสถานการณ์และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย เหมาะสมกับความเสี่ยงและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ ยกระดับคุณภาพการบริการและเพิ่มการเข้าถึงในทุกช่องทาง สร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเเละสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เงินกองทุน และสินทรัพย์ที่มั่นคง โดยมุ่งมั่นสร้างประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น เเละผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกกลุ่ม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลากว่า 76 ปี