รินไน รุกตลาดรอบใหม่ วางเป้ารายได้รวมปีนี้พันล้าน

324

นายสมพล ปรีชาวุฒินันท์ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของ รินไน (Rinnai) ทั้งในตลาดโลกและประเทศไทยว่า รินไน เป็นแบรนด์สินค้าอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องใช้ในครัว ดำเนินธุรกิจมากว่า 103 ปี โดยสินค้ากลุ่มหลัก คือ เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบ รวมถึงเครื่องทำน้ำร้อนระบบแก๊สและไฟฟ้า ฯลฯ ปัจจุบัน รินไน มีจำหน่ายอยู่กว่า 80 ประเทศทั่วโลก ครองอันดับ 1 กลุ่มเครื่องใช้ในครัวประเภทใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงในประเทศใหญ่อย่างอินโดนีเซียและเกาหลี นอกจากนั้นยังสามารถครองอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำร้อนในตลาดอเมริกาและออสเตรเลียด้วย

สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น ได้มีการก่อตั้ง รินไน (ประเทศไทย) ขึ้นมากว่า 33 ปี เพื่อการทำตลาดและเป็นฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ โดยโรงงานผลิตอยู่ที่ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยสินค้ากลุ่มหลักที่ทำตลาดในไทยมี 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 1. กลุ่มเตาแก๊สตั้งโต๊ะและหม้อหุงข้าวชนิดแก๊ส จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ  2. กลุ่ม Built-In Product และเครื่องดูดควันหลากหลายฟังก์ชั่น ตามลักษณะการใช้งานและดีไซน์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์  3. กลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อนแก๊สและไฟฟ้า สำหรับบ้านและเชิงพาณิชย์ ซึ่งในส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อน ไฟฟ้า นอกจากผลิตภายใต้แบรนด์ Rinnai แล้วยัง OEM ด้วย โดยมีกำลังการผลิตมากกว่า 200,000 เครื่องต่อปี  4. กลุ่มเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ ซึ่งใช้ในครัวอุตสาหกรรมม ครัวโรงแรมหรือภัตตาคาร เช่น หม้อทอดแบบใช้แก๊สและไฟฟ้า หม้อหุงข้าวเชิงพาณิชย์  เตาย่าง  เตา Salamander  รวมถึงหัวเตาอินฟราเรด ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ด้วยความเป็นแบรน์สินค้าคุณภาพที่มีมาตรฐานสูงจากประเทศญี่ปุ่นทำให้รินไนได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งระดับครัวเรือน กลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์และกลุ่มลูกค้าในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์นำตลาดของรินไนจะเป็นกลุ่มเตาแก๊สและเครื่องทำน้ำอุ่น       

ส่วนสภาพตลาดและการเติบโตของตลาดเครื่องใช้ในบ้านของไทยนั้น ช่วง 2-3 ปี ของการแพร่ระบาดของโควิด สินค้าในกลุ่มนี้การเติบโตสูง การทำงานจากบ้าน (Work From Home) การประกอบอาหารในบ้าน และการระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น มีการดูแล ซ่อมแซม เปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเตาแก๊สและเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของรินไน (Rinnai) ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อภาวะการแพร่ระบาดลดลง การใช้ชีวิตกลับมาเหมือนเดิม ประกอบกับมีการเปิดประเทศอย่างเต็มตัว ทำให้ตลาดเครื่องใช้ในครัวเรือนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รินไน จึงได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (Product Line Up) เพื่อตอบสนองแก่กลุ่มบ้านและเชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น

ล่าสุดรินไนมีการเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องดูดควันบ้านดีไซน์ใหม่ (Slant Hood) รุ่น RH-KT2959-GBV และ เครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าแบบถังเก็บ (Storage Water Heater) ขนาด100 ลิตร 140 ลิตร และ 200 ลิตร สำหรับบ้านและเชิงพาณิชย์ เพื่อรุกตลาดไทยรอบใหม่

จากความแข็งแกร่งของแบรนด์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทำให้ปีที่ผ่านมา (2565) รินไนมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 940 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-5% จากการดำเนินกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุกมากขึ้น พร้อมการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนกว่า 300 ร้านค้าทั่วประเทศ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายยูนิตในปีนี้ ส่วนปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวังในปีนี้ คือ วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตและสถานการณ์พลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่กำลังซื้อลดลงจากเงินเฟ้อ โดยทาง รินไน ได้เตรียมแผนในการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรที่เป็นระบบ Automation แขนจักรกล หุ่นยนต์ รวมถึงลดค่าพลังงานด้วยการติดตั้ง Solar Roof Top ในการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย