Thaitrade.com ปั้มออนไลน์ โกยเงินเข้าประเทศ 5 พันล้าน อินเดียผู้ซื้ออันดับ 1

1959

กระแสความนิยมในการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบันมีมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ เข้าถึงง่าย สะดวกรวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำ ทำให้ยอดการซื้อขายบนโลกออนไลน์พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกปี

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมฯเล็งเห็นความสำคัญของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะเป็นช่องทางและโอกาสของผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันในโลกยุคดิจิทัลได้ จึงทำแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com  ซึ่งช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

โดยตั้งแต่เปิดให้บริการเดือนกรกฎาคม 2554 – 31 มกราคม 2562 มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าที่มีหลักฐานผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com ราว 5,582 ล้านบาท  ประเทศสมาชิกที่เป็นผู้ซื้อมากที่สุด  อันดับ 1 ได้แก่ อินเดีย 11.75% รองลงมาคือ จีน 6.81% สหรัฐ 3.75% เวียดนาม 3.66% และมาเลเซีย 2.41%

สำหรับหมวดสินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม / ความงามและการดูแลส่วนบุคคล / รถยนต์และรถจักรยานยนต์ / เครื่องแต่งกาย / การเกษตร / บรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ / อัญมณีและเครื่องประดับ / เฟอร์นิเจอร์ / ของขวัญและงานฝีมือ / บ้านและสวน

นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์ (ไม่นับซ้ำ) ในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 1,355,405 ราย เพิ่มขึ้น 8.29% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2560 ที่มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวน 1,251,629 ราย ซึ่งประเทศผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์มากที่สุดในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 5 อันดับ  ได้แก่ บังคลาเทศ อินเดีย กัมพูชา สหรัฐ และจีน

“เว็บไซต์ Thaitrade.com เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ของ DITP เปิดให้บริการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง มีการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง และทำผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศกว่า 58 แห่งทั่วโลก มีเครือข่ายพันธมิตรมากมาย อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ ไปรษณีย์ไทย หรือจะกล่าวได้ว่า Thaitrade.com ของไทยก็เหมือนเว็บ Alibaba ของจีนนั่นเอง” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว

อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ Thaitrade.com จะเน้นลักษณะ B2B (ธุรกิจกับธุรกิจ) คือออเดอร์สินค้ากันเป็นล็อตใหญ่ มูลค่าซื้อขายค่อนข้างสูง แต่เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME รายย่อย ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 90% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ  DITP จึงได้ขยายบริการเว็บไซต์ Thaitrade.com Small Order OK หรือ Thaitrade.com SOOK เพิ่มเติมเพื่อรองรับการค้าแบบขายปลีก สามารถสั่งซื้อได้จำนวนไม่มาก และมูลค่าซื้อขายในแต่ละครั้งไม่สูงมากอีกด้วย

นอกจากนี้ เพื่อผลักดันการค้าออนไลน์ของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้ประกอบการรายใหม่ของไทยเข้าสู่ระบบการค้าออนไลน์ปีละประมาณ 1 หมื่นราย  DITP ได้มอบหมายให้สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ศึกษาข้อเสนอแนะการพัฒนาแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดนแบบ B2B เพื่อเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้กับคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

“จะเห็นได้ว่าทิศทางของการซื้อขายผ่านโลกออนไลน์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็กและใหญ่ของไทยสามารถเข้าถึง เข้าใจความต้องการผู้บริโภค และใช้ประโยชน์จากตลาดอีคอมเมิร์ซได้ เชื่อว่าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามกระแสการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ เพราะลูกค้าที่มีกำลังซื้อจะไม่ถูกจำกัดแค่ตลาดในประเทศไทยที่มีราว 70 ล้านคน แต่จะขยายเป็นลูกค้าหลายร้อยล้านคนทั่วโลก ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือ 1169 แต่หากผู้ประกอบการรายใดไม่รู้จักปรับตัวอาจตกขบวน หรือเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างแน่นอน” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าฯ กล่าวปิดท้าย