จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยวิชั่นการดำเนินธุรกิจของ JKN จะมุ่งสร้างขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็น Global Content Commerce Company เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ภายใต้โครงสร้างการดำเนินงานรองรับแผนยุทธศาสตร์บริษัทฯ จากผู้นำธุรกิจคอนเทนต์ระดับภูมิภาคอาเซียน ก้าวสู่บริษัทชั้นนำระดับ Global Company ด้วยความเชี่ยวชาญจากการบริหารลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แบรนด์ดังระดับโลก Output Deal ครอบคลุมกลุ่มผู้ชม เพื่อจำหน่ายแก่คู่ค้าในทุกแพลตฟอร์มทั้งในและต่างประเทศ สร้างการเติบโตแก่กลุ่มธุรกิจ Content และมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจ Content มาต่อยอดสู่ธุรกิจ Commerce ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Wellness Product), ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม (Beverage Product) และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ (Cosmatic) โดยสื่อสารการตลาดและคุณภาพผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง (D2C) ผ่านช่อง JKN18 และ JKN Hi shopping ตลอด 24 ชั่วโมง และจำหน่ายผ่าน Omni Channel และ Social Commerce ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค และการวางรากฐานทางธุรกิจจากการเป็นเจ้าของช่อง JKN18 ที่มีเนื้อหารายการที่หลากหลาย รวมถึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ JKNCNBC สถานีข่าวเศรษฐกิจตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผลิตรายการเกี่ยวกับการเงินการลงทุนภายใต้มาตรฐานของ CNBC ช่วยส่งเสริมฐานผู้ชมและเรตติ้งของช่อง JKN18 ปรับตัวดีขึ้นสู่เป้าหมาย Top10 ทำให้เพิ่มโอกาสจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Commerce เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มธุรกิจองค์กรมิสยูนิเวิร์ส หรือ MUO ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของ JKN จะเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ด้วยโครงสร้างรายรับ 9 ด้านที่มีแผนดำเนินงานชัดเจน สะท้อนจากความสำเร็จจากการจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 71 ที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันความแข็งแกร่งกลุ่มธุรกิจ MUO และแบรนด์มิสยูนิเวิร์สได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าปีนี้จะทำรายได้ 1,200 ล้านบาท หลังจากประเทศเอลซัลวาดอร์ ได้ทุ่มงบ 400 ล้านบาท เพื่อสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการจัดการประกวด และล่าสุดมีอีก 2 ประเทศ ให้ความสนใจเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สที่จะจัดในปี 2024-2025 แล้ว โดยอยู่ระหว่างการเตรียมเซ็นสัญญาในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน JKN มีแผนนำแบรนด์มิสยูนิเวิร์สต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอีกหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์แรกที่จะเริ่มทำตลาดเครื่องดื่ม คาดจะเปิดตัวได้ในไตรมาสแรกปีนี้
“ปีนี้จะเป็นปีที่ JKN จะเก็บเกี่ยวรายได้จากการดำเนินงานอย่างเต็มที่จะตั้งเป้าเติบโตถึง 80% หรือมีรายได้เกือบ 4,000 ล้านบาท หลังตอกเสาเข็มวางรากฐานทางธุรกิจทำให้ JKN มี Ecosystem พร้อมผลักดันการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ Global Content Commerce Company” คุณจักรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจ MUO ที่ผ่านมา ทำให้มีสภาพคล่องจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 จึงพิจารณาแผนออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right offering หรือ RO) ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องทิศทางดำเนินงานของบริษัทฯ จึงมีมติยกเลิกมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ในการออกหุ้นเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน RO จำนวน 1,019,917,296 หุ้น และยกเลิกวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 ที่กำหนดจัดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้เห็นชอบการกำหนดออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน RO ลดลงเหลือจำนวน 510,043,387 หุ้น เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม และเปลี่ยนอัตราการใช้สิทธิเป็น 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้น และจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อขายเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) ให้แก่ บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ GP Group ภายใต้การบริหารงานของคุณนิชิต้า ชาห์ และครอบครัวชาห์ เพื่อเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ MUO จำนวน 66,666,666 หุ้น ในราคาเสนอขาย 4.50 บาท คิดเป็นมูลค่า 300,000,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและสูงกว่าการคำนวณจากราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลังไม่น้อยกว่า 7 วันทำการติดต่อกันก่อนวันประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยจะเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาต่อไป
“การตัดสินใจเลื่อนการออกและลดจำนวนการออกหุ้น RO เพราะต้องการปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของ JKN ในปีนี้ ที่จะรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจ MUO เข้ามาเพิ่มเติม และไม่กระทบต่อฐานทุนในการเตรียมขยายธุรกิจเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างแน่นอน”