RML โชว์ผลงานโตต่อเนื่องปรับตัวขึ้น 75%

284

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 ของบริษัทฯ ขาดทุน 47.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ขาดทุน 193    ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากแบ็กล็อกโครงการเดอะ ลอฟท์ สีลม และยังมีรายได้ประจำจากค่าบริหารโครงการ และค่าธรรมเนียมการตลาด ส่วนผลประกอบการดีขึ้นจากไตรมาสก่อนมาจากส่วนแบ่งกำไรโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่หนึ่งเดียวใจกลางถนนสุขุมวิท ที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565  ซึ่งโครงการนี้อยู่ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง ไรมอน แลนด์ และ บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด โดยมียอดขายแล้วถึง 75% และเริ่มมีการทยอยโอนอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะทำยอดโอนได้ราว 2,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้ ส่วนอีกหนึ่งโครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดมิเนียมลักชัวรี่  ใจกลางสาทร ก็มียอดขายแล้วกว่า 85% ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของทั้งสองบริษัท โดย ไรมอน แลนด์ เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญยาวนานกว่า 35 ปี และโตเกียว ทาเทโมโนะก็เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน”

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทจะทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) ซึ่ง ณ วันที่ 30 เดือนกันยายน บริษัทมีแบ็กล็อกมูลค่า 6,100  ล้านบาท โดยเป็นแบ็กล็อกจากโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน มูลค่า 2,700  ล้านบาท และแบ็กล็อกโครงการระหว่างก่อสร้าง ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ มูลค่า 3,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในปี 2566

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทมุ่งมั่นการเทิร์นอะราวด์ ให้รับรู้รายได้เร็ว สร้างสมดุลและกระจายรายได้ทั้งอสังหาฯ และรายได้ประจำมากขึ้น โดยต้นปีเตรียมเปิดให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอที่สูงที่สุดในไทย ‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ บนทำเลศักยภาพติดบีทีเอสเพลินจิต ซึ่งเป็นโครงการเมกะโปรเจคที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง ไรมอน แลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากเปิดให้บริการจะเป็นปัจจัยหนุนให้ ไรมอน แลนด์ มีรายได้ประจำและกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ธุรกิจ Asset light โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นเจ้าของที่ดิน นำที่ดินมาพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ในรูปแบบ Branded Residence 2 แห่ง โดยปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายบริษัทอยู่ที่ 8,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี สำหรับการลงทุนเปิดโครงการต่างๆ นั้น บริษัทมีแหล่งเงินทุนมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน การหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนในโครงการ และการออกหุ้นกู้ โดยบริษัทได้ยื่นไฟลิ่งสำหรับการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ซึ่งจะขายในเดือนพฤจิกายนนี้ และมีแผนจะออกหุ้นกู้ครั้งที่ 3 มูลค่ารวมไม่เกิน 400 ล้านบาทภายในปลายปี 2565 ซึ่งทั้งหมดบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นเดียวกับหุ้นกู้ที่ออกเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท ที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท