จับตา “บิ๊กตู่” โชว์ผลงานเด็ดดันรัฐสภาออกกม.ปฏิรูปที่ดิน

395

ร่างพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม พ.ศ.…เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา​ ที่กำลังดำเนินการเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายคือ เสนอต่อสภาเพื่อพิจารณาและเห็นชอบ จากนั้นจะได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.นี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมแบบยกเครื่อง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.

ขณะนี้มีความคืบหน้าในการดำเนินการ คือ

คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มีนายกฯเป็นประธาน มีรัฐมนตรีหลายกระทรวงเป็นกรรมการ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เห็นชอบที่จะผลักดันร่างพ.ร.บ.ให้ประสบความสำเร็จภายในรัฐบาลชุดนี้

หลังจากบอร์ดใหญ่ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เห็นชอบดังกล่าว จากนี้ไปก็อยู่ที่ 2 หน่วยงานหลักที่จะต้องประสานงานและร่วมมือกันขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย

หน่วยงานแรก ได้แก่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นเจ้าของ ร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้

หน่วยงานที่สอง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.)

การขับเคลื่อนเพื่อให้มีกฎหมายฉบับใหม่มาแทนกฎหมายเดิมที่ล้าสมัย เพราะกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมใช้มาตั้งแต่ปี 2518 จนถึงปัจจุบัน 2565 เป็นเวลา 47 ปีแล้ว หมายความว่า ที่ดิน ส.ป.ก.ที่ปฏิรูปกันมาเกือบครึ่งศตวรรษ ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัยเสียที 

ที่ดินในพื้นที่เขตปฏิรูปควรได้รับการคุ้มครองด้านเกษตรกรรมเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะประโยชน์ต่อเกษตรกร ต่อชุมชนท้องถิ่น และประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม เช่น การท่องเที่ยว การศึกษา คมนาคม โลจิสติกส์ พลังงาน ฯลฯ

นี่คือหลักคิดและหลักการสำคัญ

การผลักดันร่างกฎหมายการปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม สอดรับกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ยืนแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ข้อ 10.2 ระบุว่า

“ปรับปรุงระบบที่ดินทำกินและลดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน โดยจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่ราษฎรและเกษตรกรที่ยากไร้​ ตามหลักการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ การกระจายสิทธิการถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รุกล้ำ และมีมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในความครอบครองของผู้ที่มิใช่เกษตรกรและผู้ยากจน จัดทำระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการที่ดิน จัดทำหลักฐานการถือครองที่ดินของรัฐทุกประเภท จัดทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินของรัฐให้ชัดเจน และเร่งแก้ไขปัญหาเขตที่ทับซ้อน และแนวเขตพื้นที่ป่าที่ไม่ชัดเจนระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ…..”

หากรัฐบาลเร่งรัดให้นโยบายนี้ปรากฎผลเป็นจริงก็มิใช่เป็นเรื่องยากเย็น นั่นคือเมื่อผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก็เสนอร่างพ.ร.บ.ให้รัฐสภา(สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ วุฒิสภา) พิจารณาได้เลย

ผ่าน 3 วาระของรัฐสภาเมื่อใดก็เสร็จสิ้นตามกระบวนการตรากฎหมาย

ไม่ต้องเสนอไปที่สภาผู้แทนราษฎรก่อนให้ผ่าน 3 วาระแล้วค่อยเสนอต่อวุฒิสภาให้ผ่าน 3 วาระ ซึ่งใช้กับร่างกฎหมายปกติทั่วไปที่ไม่ใช่ร่างกฎหมายที่เป็นการปฏิรูป

ช่องทางลัดนี้ เข้าเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ หมวด 16 ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ

เป็นร่างกฎหมายที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติเรื่องที่ดิน

ช่องทางลัดนี้จะย่นระยะเวลาการพิจารณาร่างกฎหมายให้เสร็จเร็วขึ้น

สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันก่อนรัฐบาลและสภาจะครบวาระในเดือนมีนาคม 2566

สัมฤทธิผลของการมีกฎหมายฉบับใหม่นี้ จะเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่น่าจะได้รับการชื่นชมจากทุกฝ่าย

และถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การบริหารราชการแผ่นดินอีกหน้าหนึ่งของรัฐบาล “บิ๊กตู่”

                                                                                                                                                      โดย ทุ่งทะเล