5 ปัจจัยสะพานอิตาลีถล่ม บทเรียนที่ต้องตระหนัก

1791

ศ.ดร. อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์สะพานโมรานดิ ประเทศอิตาลีพังถล่มลงมา มีผู้ เสียชีวิตจำนวนมาก ปัจจุบันก็ยังอยู่ระหว่างค้นหาผู้ที่ยังติดใต้ซากสะพานอีก การถล่มของสะพานที่อิตาลีครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และแม้ว่าจะเกิดขึ้นห่างไกลจากประเทศไทย แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวเลย เพราะแต่ละประเทศก็มีสะพานใช้งานจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยด้วย

ในทางวิศวกรรม สะพานจำแนกได้หลายรูปแบบ เช่น สะพานช่วงสั้น มักมีช่วงพาดไม่เกิน 20-40 ม. สะพานช่วงปานกลางมีช่วงพาดประมา ณ 40-80 ม. และ สะพานช่วงยาวมีช่วงพาดเกิน 100 ม. ขึ้นไป สะพานยังอาจแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามวัสดุที่ใช้ก่อสร้างได้แก่ สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก สะพานคอนกรีตอัดแรง และ สะพานเหล็ก สะพานที่มีขนาดใหญ่และช่วงพาดยิ่งยาว และที่ผ่านการใช้งานมานานก็ยิ่งมีระบบโครงสร้างที่ซับซ้อน ก็อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก

ปัจจัยที่ทำให้สะพานถล่ม มี 5 สาเหตุหลักคือ 1. การออกแบบผิดพลาด 2. การก่อสร้างผิดพลาดหรือไม่ถูกวิ ธี 3. วัสดุเสื่อมสภาพ 4. น้ำหนักบรรทุกมากเกินไป เช่น รถบรรทุกขนาดใหญ่ และ 5. ภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และ แรงลม เป็นต้น

การถล่มของสะพานอาจเกิดขึ้นได้ ทั้งขณะที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และ ที่เปิดใช้งานแล้ว ในบ้านเราพบการพังถล่มของสะพานเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง สาเหตุเกิดขึ้นจากระบบค้ำยันและนั่งร้านไม่แข็งแรงพอ แต่การวิบัติของสะพานโมรานดิในป ระเทศอิตาลี เป็นการวิบัติของสะพานที่มีอายุการใช้งานมากว่า 50 ปีแล้ว เพราะสะพานแห่งนี้เริ่มเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 การวิบัติที่เกิดขึ้นจัดว่าเป็นการวิบัติแบบเฉียบพลัน สาเหตุของการวิบัติยังไม่ทราบแน่ชัด และต้องรอการพิสูจน์ทางนิติวิศวกรรมศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม สะพานโมรานดิ มีลักษะเป็นสะพานขึงช่วงยาว เหล็กที่ใช้ขึงตัวสะพานฝังอยู่ในแท่งคอนกรีต ที่ดึงพื้นสะพานเพียงด้านละ 1 จุดเท่านั้น สันนิษฐานว่าวัสดุในการรับน้ำหนัก ได้แก่ เหล็กที่ใช้ขึงสะพาน อาจเกิดการวิบัติที่ตัวเหล็กเอง หรือ ที่ข้อต่อเหล็ก เนื่องจากการเสื่อมสภาพ การเกิดสนิม หรือ ความล้าของข้อต่อที่เกิดจากน้ำหนักรถบรรทุกและยานพาหนะอื่นที่วิ่งผ่านไปมาหลายล้านรอบตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมา

การถล่มของสะพานที่อิตาลีนี้ ถือเป็นบทเรียนสำคัญว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นได้อีก ณ ที่ใดก็ได้ในโลกนี้ ในทางวิศวกรรม เหตุการณ์ดังกล่าวมีหนทางป้องกันได้โดยใช้วิธีการตรวจติดตามสุขภาพโครงสร้างสะพาน (Structural health monitoring system) ซึ่งเหมือนการตรวจสุขภาพร่างกาย คน โดยแบ่งได้เป็นการตรวจสอบรายวัน รายปี และการตรวจสอบพิเศษ การตรวจสอบทำได้ทั้งการตรวจสอบด้วยสายตา โดยสังเกตรอยร้าว การบิด การเคลื่อนตัว หรือ แม้กระทั่งเสียงโครงสร้างที่ดังลั่นผิดปกติ หรือ การสั่นสะเทือนที่มากผิดสังเกต ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญานเตือนภัยบอกเหตุผิดปกติในโครงสร้างล่วงหน้าได้ทั้งสิ้น นอกจากการตรวจสอบด้วยสายตาแล้ว การตรวจวัดด้วยเครื่องมือทางวิศวกรรม อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงแบบไม่ทำลายในปัจจุบันสามารถวัดค่าความเค้น ความเครียด การเสียรูปของสะพานและทำการประมวลผลแบบเรียลไทม์ได้ ช่วยให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ซ่อมแซมหรือเสริมกำลังได้ทันท่วงที

สาเหตุหนึ่งที่สะพานพังถล่ม อาจจะเกิดจากการละเลยเรื่องการตรวจสอบและดูแลรักษา อย่าลืมว่าโครงสร้างทุกประเภทมีอายุการใช้งาน โดยเฉพาะโครงสร้างประเภทสะพาน ที่ต้องรับรองน้ำหนักยานพาหนะที่เคลื่อนผ่านไปมา ทำให้เกิดแรงพลศาสตร์กระทำต่อโครงสร้าง เป็นอันตรายยิ่งกว่าน้ำหนักที่แช่อยู่นิ่งๆ เสียอีก และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งโครงสร้างจะเกิดความล้า (fatigue) นำไปสู่การวิบัติได้ หนทางที่ดีที่สุดคือต้องไม่ประม าท ต้องจัดให้มีโปรแกรมการตรวจสอบแ ละดูแลรักษาสะพานอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงการถล่มของสะพานได้