ไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีเวนต์โดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อบริษัทออร์แกไนเซอร์แล้ว ธุรกิจอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับการจัดงานอีเวนท์อีกหลายธุรกิจก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ได้แก่ ธุรกิจด้านซัปพลายอุปกรณ์ระบบภาพแสงเสียง ธุรกิจการทำโครงสร้างเวที, ทำฉาก, ธุรกิจให้เช่าสถานที่จัดงาน เช่น ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ, โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังกระทบไปถึงกลุ่มอาชีพอิสระที่เกี่ยวข้องกับงานอีเวนต์ เช่น พิธีกร, พริตตี้, สตาฟรันงาน, ช่างภาพ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ล่าสุดนักศึกษาสาขาการจัดการอีเวนท์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ทำงานอีเว้นท์ตลอดระยะเวลาที่เรียนหนังสือ ซึ่งได้รับผลกระทบต้องสูญเสียรายได้งานอีเว้นท์ระหว่างหารายได้พิเศษระหว่างการเรียนเช่นกัน ทำให้ต้องสร้างธุรกิจชานมไข่มุก บริการส่งถึงที่ทำงานและบ้านทั่วจังหวัดปราจีนบุรี สร้างกระแสตอบรับดีอย่างมากมาย จนต้องขยายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย
นายบัณฑิต บุญศิริ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ สาขาการจัดการอีเวนท์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เจ้าของชานมแบนกั๊ก เล่าว่า จากพิษโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้งานอีเว้นท์ที่รับไว้ถูกยกเลิกทั้งหมด สูญเสียรายได้ระหว่างเรียนและไม่อยากรบกวนทางบ้าน พอเดินทางกลับบ้านเกิดจังหวัดปราจีนบุรี เริ่มจากอยากรับประทานชานมไข่มุกที่จังหวัดปราจีนบุรี พบว่าทุกร้านปิดให้บริการทั้งหมด ในส่วนของร้านที่มีเปิดอยู่ก็มีรสชาติที่ไม่อร่อย ทำให้เป็นประเด็นหลักในการหาร้านอร่อยกินยากมากในช่วงวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ ทำให้คิดว่าน่าจะมีหลาย ๆ คนที่อยากจะกินชานมไข่มุกเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากออกจากบ้านในช่วงวิกฤตแบบนี้ เราก็เลยคิดว่าควรทำขายและจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ดีกว่า “แบรนด์กั๊ก” ไม่เพียงมีรสชาติที่อร่อยจากวัตถุดิบชั้นดี มีเสน่ห์ตรงความเก๋เวลาผู้บริโภคถือดื่มชานม จะสามารถถ่ายภาพเล่าเรื่องออกมาให้ดูเท่ห์ ให้อารมณ์ความร่วมสมัยวัยรุ่น แพ็คเกจไม่เชยถึงแม้ว่ารูปลักษณ์มันจะดูย้อนยุคกลับไปก็ตาม แต่ยังมีความคลาสสิคในตัวเอง ที่สำคัญเป็นขวดที่ไม่ใช่พลาสติกซึ่งช่วยในเรื่องของการลดโลกร้อนได้ในระดับหนึ่งและยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก โดยไม่ก่อให้เกิดขยะเพิ่ม ด้านราคาขาย คือ แบนละ 35 บาท หรือ 3 แบน 100 บาท แบรนด์กั๊กขายในราคาทุกคนสามารถจับต้องได้ในภาวะวิกฤตแบบนี้ มีบริการขนส่งชานมไข่มุกให้ถึงมือลูกค้าทั่วจังหวัดปราจีนบุรี โดยที่ลูกค้าไม่ต้องออกมาจากบ้านช่วยในเรื่องของการลดความเสี่ยงได้มากขึ้นและการขนส่งของแบนกั๊กมีการป้องกันตามที่รัฐบาลประกาศอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
“จุดเด่นของแบนกั๊ก คือ แพ็คเกจที่มีความคลาสสิค ร่วมสมัยแตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด ทั้งหมดมี 3 รสชาติ ได้แก่ ชาไทย ชาเขียวและโกโก้ ไข่มุกนี้ก็มาจากต้นตำหรับของความดั้งเดิมของไข่มุกประเทศไต้หวัน แบรนด์กั๊กยังมีจุดเด่นคอนเซ็ปต์ทูโกสามารถแกะออกพร้อมดื่มได้ทันทีที่ต้องการ เครื่องดื่มไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งมีรสชาติที่กลมกล่อมในตัวเอง ช่องทางการจัดจำหน่ายแบนกั๊กสามารถเข้าถึงได้ทุกช่องทางของโซเชียลมีเดีย โดยเพจเฟสบุ้คชื่อว่า “ชานม แบนกั๊ก” ส่วนสื่อโซเชี่ยลอื่น ๆ จะเป็นภาษาอังกฤษชื่อว่า “Chanom BanGuk” ด้านช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดจะเป็นเฟสบุ๊ค รองลงมาคืออินสตาแกรม ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงานตั้งแต่ 24 ปี – 35 ปี ยอดขายได้กระแสตอบรับดีมากในจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันสามารถผลิตได้ทำวันละ 100 ขวด ซึ่งเท่ากับสัปดาห์ละ 700 ขวดเท่านั้น ตอนนี้มีแผนการตลาดที่จะต่อยอดไปขายยังจังหวัดต่าง ๆ เพราะมีลูกค้าจากต่างจังหวัดทักเข้ามาทางเพจเยอะมาก แบรนด์กั๊กเปิดแฟรนไชส์ขยายธุรกิจไปจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มี 3 จังหวัดได้แก่ จังหวัดพะเยา จังหวัดพิษณุโลกและชลบุรี ในอนาคตอันใกล้นี้ตั้งใจขยายธุรกิจแบรนด์กั๊กไปให้ครบทุกจังหวัดก่อน พอได้ครบทุกจังหวัดแล้วหรือตามจำนวนที่ตั้งใจไว้ อาจจะมีการนำเข้าสู่ร้านค้าสะดวกซื้อต่าง ๆ เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเข้าถึงผู้บริโภค” เจ้าของชานมแบนกั๊ก กล่าวทิ้งท้าย