เป็นที่ทราบกันดีว่ายุคนี้ “หุ่นยนต์” หรือ “ระบบอัตโนมัติ” ได้เข้ามามีบทบาทในภาคการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมทั้งระบบ แต่การนำเข้าหุ่นยนต์จากต่างประเทศก็มีราคาค่อนข้างแพง ทำให้โรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่งไม่สามารถพัฒนาระบบการผลิตดังกล่าวได้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม จึง “รวมกลุ่มคลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ” เพื่อผลักดันการนำหุ่นยนต์ไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมได้จริง พัฒนาระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ Low Cost Automation ซึ่งทำให้ธุรกิจในกลุ่มสามารถมีระบบอัตโนมัติช่วยการปรับปรุงกระบวนการผลิตในราคาที่เอื้อมถึงได้ คืนทุนได้เร็วเฉลี่ยประมาณ 12 เดือน และมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ เฉลี่ย 300,000 – 500,000 บาท
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวว่า อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ ดีพร้อมจึงเร่งพัฒนาและฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย ผ่านการสร้างและพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม หรือ คลัสเตอร์ (Cluster) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของ SMEs 4.0 คือ “คลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ” โดยได้รวมตัวและบูรณาการการทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2562 ประกอบด้วยธุรกิจ SMEs จำนวน 22 บริษัทมีเป้าหมายและจุดยืนร่วมกันคือการเพิ่มกำลังการผลิต การลดนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การนำความเชี่ยวชาญของแต่ละบริษัทมาช่วยแก้จุดอ่อน (Pain Point) ของพันธมิตรภายในคลัสเตอร์ รวมถึงผลักดันให้ธุรกิจ SMEs มีโอกาสได้ใช้หุ่นยนต์เพื่อให้แข่งขันได้ในยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกำลังแรงงาน และการลดต้นทุนด้านต่าง ๆ เนื่องจากในปัจจุบันพบว่าการใช้หุ่นยนต์ในโรงงานของประเทศไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับสถานประกอบการขนาดใหญ่เท่านั้น มี SMEs จำนวนน้อยที่ใช้ระบบดังกล่าวในการจัดการกระบวนการผลิต
จากการติดตามผลลัพธ์ พบว่าสิ่งที่คลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติประสบความสำเร็จคือ มีการซื้อขายระบบเทคโนโลยีรวมถึงหุ่นยนต์ระหว่างกันคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 95 ล้านบาท หรือ 4.75 ล้านบาทต่อกิจการ พร้อมด้วยความสำเร็จของการพัฒนาระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ Low Cost Automation ซึ่งทำให้ธุรกิจในกลุ่มสามารถมีระบบอัตโนมัติช่วยการปรับปรุงกระบวนการผลิตในราคาที่เอื้อมถึงได้ คืนทุนได้เร็วเฉลี่ยประมาณ 12 เดือน และมีราคาที่ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ย 300,000 – 500,000 บาท จากปกติที่ต้องนำเข้าในราคาระดับหลักล้านบาท
แขนกล 1 ข้างประหยัดต้นทุนโรงงานเท่าไหร่?
นายสมควร จันทร์แดง กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูเนี่ยน แอพพลาย จำกัด สมาชิกคลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่ผลิตภายในกลุ่มมีความพึงพอใจต่อเทคโนโลยีที่ได้รับอย่างมาก ทั้งด้วยราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งโรงงานของตนได้มีการนำแขนกลของ บริษัท ยูนิคัล เวิร์คส์ ซึ่งเป็น 1 ในสมาชิกคลัสเตอร์หุ่นยนต์ฯ มาใช้ในกระบวนการผลิตกระบอกไฮโดรลิก โดยเมื่อวิเคราะห์ถึงการลดต้นทุนในภาพรวมพบว่า
1 แขนกลสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาเพียง 10.4 เดือน
ลดแรงงานที่ต้องทำงานซ้ำ ๆ ได้ 2 คน คิดเป็นมูลค่า 252,000 บาทต่อปี
ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องจักรได้ถึง 3 เครื่อง
สามารถผลิตชิ้นส่วนกระบอกไฮโดรลิกจาก 18,000 ชิ้น เป็น 42,000 ชิ้นต่อปี คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการผลิต 113% จากเดิมที่มีมูลค่า 130,680 บาท/ปี เป็น 278,760 บาท/ปี
ลดค่าซ่อมบำรุงและค่าเสื่อมสภาพได้ถึง 130,000 บาทต่อปี จากเดิมที่ต้องใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวที่ 240,000 บาท
นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว ทางยูเนี่ยน แอพพลาย ยังเล็งเห็นถึงการนำหุ่นยนต์เข้ามาอำนวยความสะดวกในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโควิด–19 ในองค์กร ซึ่งหุ่นยนต์จะช่วยตอบโจทย์กับมาตรการเว้นระยะห่าง และช่วยทำงานแทนมนุษย์ในกรณีที่หากมีการติดเชื้อ รวมถึงมีแผนนำมาใช้ในการทดแทนแรงงานที่ต้องทำงานเสี่ยง ๆ ซ้ำ ๆ โดยที่ให้ผลตอบแทนน้อย และจะพัฒนาแรงงานส่วนที่ถูกทดแทนให้มีทักษะในการควบคุม หรือใช้งานหุ่นยนต์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพโดยที่ไม่ต้องสูญเสียแรงงานอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ยังมีแผนงานในการร่วมมือกับกลุ่มคลัสเตอร์เพื่อพัฒนาระบบรีโมท ติดตามหุ่นยนต์ในระยะไกล ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกันได้แบบเรียลไทม์โดยที่ไม่ต้องเดินทางถึงกัน พร้อมทั้งแผนในการดึง SMEs รายอื่น ๆ ที่ต้องการใช้หุ่นยนต์ให้เข้ามาในกลุ่ม ซึ่งจะทำให้มีความแข็งแกร่ง และจับมือกันไปสู่ SMEs 4.0 ได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลได้วางเอาไว้
ด้าน นายพชระ แซ่โง้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิคัล เวิร์คส์ จำกัด ผู้ผลิตแขนกลยูนิบอท และบอร์ดบริหารคลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวคิดในการผลิตหุ่นยนต์เพื่อเชิงพาณิชย์ และแบ่งปันให้ธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะพันธมิตรในกลุ่มคลัสเตอร์ได้มีเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากในท้องตลาดมีราคาค่อนข้างสูง โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นแขนกลที่สามารถเลือกปรับแต่งระบบการทำงานตามความต้องการได้ สามารถนำไปใช้ทำงานได้หลากหลาย และตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน มีราคาที่จับต้องได้ โดยราคาทั้งหมดรวมค่าบริการการซ่อมบำรุงและระบบที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
สำหรับกระบวนการผลิตแขนกลนั้น ต้องยอมรับว่าการได้เข้าร่วมกับคลัสเตอร์มีส่วนช่วยให้ประสบผลสำเร็จอย่างมาก เพราะการพัฒนาเพียงลำพังนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ จำเป็นจะต้องมีผู้พัฒนาระบบ มีพื้นที่ทดสอบ มีผู้เชี่ยวชาญในการช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งในกลุ่มนี้แม้จะมีพันธมิตรเพียงหลัก 20 กว่าราย แต่ทุกคนสามารถช่วยเหลือกันได้เป็นอย่างดี