“เย่ห์กรุ๊ป” นำนวัตกรรม “drydye” ปลุกสิ่งทอเติบโตยั่งยืน

374
ดร.ก้องศักด​ ยอดมณี​ (ที่4 จากซ้าย) ​ผู้ว่าการ​ กกท.เปิดตัวยูนิฟอร์มกีฬา​นวัตกรรมdrydye

          เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ ลานกิจกรรม อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)  ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่ากกท.  ได้เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดตัวยูนิฟอร์มกีฬา “SAT กับการพัฒนากีฬาไทย ภายใต้นโยบาย BCG” โดยมี นายวุฒิพงศ์ เย่ ประธานกลุ่มธุรกิจเย่ห์กรุ๊ป  นายภาวิต วยาจุต ผู้แทนจากสโมสรฟุตบอล ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด นายสุเทพ วงค์รื่น ประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี  Mr. Matias Gaston Conde Mirasso กรรมการบริหารและหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลสยามเอฟซี และคณะผู้บริหาร กกท. ร่วมงาน           

          ผู้ว่าการ กกท.กล่าวว่ายูนิฟอร์มใหม่ของ กกท. เป็นการร่วมมือกับบริษัท เย่ห์กรุ๊ป จำกัด เจ้าของนวัตกรรม “drydye” ที่สามารถย้อมผ้าโดยไม่ใช้น้ำ  ถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ตอบสนองกับนโยบาย BCG Model  ที่ต้องการปลูกจิตสำนึกผู้มีส่วนร่วมทางการกีฬา อาทิ ผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์การกีฬา ผู้จัดการกีฬา และสาธารณชน ให้เกิดพฤติกรรมภายใน  ได้แก่ “การมีน้ำใจนักกีฬา เพื่อรักษ์สิ่งแวดล้อม” เห็นความสำคัญและคุณค่าของทรัพยากรที่ใช้ในกิจกรรมกีฬา โดยสามารถนำทรัพยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำหนด นโยบายโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio – Circular – Green Economy: BCG Model) ซึ่งประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว มาเป็นแนวทางในการดำเนินโครงการ “การท่องเที่ยวและกีฬาสีขาว” เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

          นายวุฒิพงศ์ เย่ ประธานกลุ่มธุรกิจเย่ห์กรุ๊ป กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการสนับสนุน กกท. คือแนวคิด BCG ของกกท.ที่ต้องการเป็น Circular  และGreen Economy  ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของเย่ห์กรุ๊ป และ drydye ซึ่งเป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่สามารถย้อมผ้าโดยไม่ต้องใช้น้ำเลย   เป็นการประหยัดค่าพลังงาน  ค่าสี ค่าเคมี  ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  ไม่จำเป็นต้องบำบัดน้ำเสีย  เพราะนวัตกรรมนี้ใช้คาร์บอนไดออกไซด์( CO2)ในการย้อมผ้าโดยสามารถรีไซเคิล CO2กลับมาใช้อีก  ทั้งหมดนี้คือกระบวนการที่ภาคธุรกิจทำได้ ซึ่งตรงกับแนวนโยบาย SDGs หรือ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ของสหประชาชาติ 17 เป้าหมายซึ่งมีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ 7 ข้อซึ่งเราสามารถทำได้ อาทิ เรื่องน้ำ อากาศเสีย สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2012

         ในกิจกรรมกีฬาไทยตอนนี้เย่ห์กรุ๊ปและ drydye ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในThai Run ทั้งหลาย เช่น Park Run ของ TTB งาน KU Run ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Chula Run  ของจุฬาฯ หลังจากเติบโตในต่างประเทศโดยเข้าร่วมในกีฬาโอลิมปิกและงานวิ่งระดับโลก 

         ประธานเย่ห์กรุ๊ปกล่าวต่อว่า  ธุรกิจของเย่ห์กรุ๊ปไม่ได้ทำแค่ชุดกีฬาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด  แต่ยังผลิตชุดชั้นในสุภาพสตรีซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตและไม่เคยหยุดนิ่ง  โดยเฉพาะยุคปัจจุบันสุภาพสตรีจะคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับผิวหนังในจุดซ่อนเร้นที่อาจเป็นอันตรายได้  ปัจจุบันนวัตกรรม drydye  มีความร่วมมือกับแบรนด์ชุดชั้นในไทยเช่น ไทรอัมพ์  วาโก้ ซาบีน่า จินตนา  รวมถึงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และ วิคตอเรีย ซีเคร็ท ฯลฯ           

         นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอถูกมองว่าเป็น Sunset Industry มาโดยตลอด  และยังเป็นที่รังเกียจของสังคมเพราะเดิมทำให้เกิดน้ำเสีย  ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอต้องย้ายฐานการผลิตออกจากไทย  แต่หากศึกษาให้ละเอียดจะพบว่า  อุตสาหกรรมสิ่งทอมีต้นทุนด้านแรงงานแค่ 15% อีก 85% คือวัตถุดิบ  สีเคมี  ดังนั้นถ้าเราสามารถรีไซเคิลกระบวนการผลิตได้  อุตสาหกรรมสิ่งทอจะไม่ใช่ Sunset จะสามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆในการผลิตสินค้าคุณภาพด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้

         “ถ้าเราสู้กับ Sunset Industry ด้วยต้นทุนมีแต่ตาย  แต่ถ้าสู้ด้วยนวัตกรรมเราสามารถจะควบคุมต้นทุนได้  เรามีเป้าหมายว่าจากปี 2025-2040 จะพยายามลดต้นทุนด้วยการลดการใช้น้ำให้เป็นศูนย์ภายในปี 2040” ประธานเย่ห์กรุ๊ปเจ้าของนวัตกรรม drydye กล่าวในที่สุด