สระว่ายน้ำเพื่อ “เด็กเกาะ” เทศบาลตำบลเทพกระษัตรี

380

          เด็กเล็กนั้นเหมือนกันหมดทุกชาติทุกภาษาคือชอบสำรวจ  ชอบเล่นน้ำ  แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตยังน้อย  ขาดความระมัดระวังเรื่องภัยอันตราย  ความสามารถในการทรงตัวยังไม่ดี  จึงมักปรากฏข่าวเศร้าเมื่อ เด็กวัยเพียงไม่กี่ขวบเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางน้ำ 

          จากสถิติส่วนใหญ่อุบัติเหตุ 30% เกิดตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่นห้วย หนอง คลอง บึง ที่เด็กๆชอบชวนกันไปเล่นในพื้นที่ใกล้ที่อยู่อาศัย  ในช่วงปิดเทอม หรือวันหยุด

          การเสียชีวิตทางน้ำเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี  มากกว่าการป่วยไข้ และอุบัติเหตุจากการจราจร  เดิมมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 1,500 คน แต่ค่อยๆลดลงในปี 2564 เหลือ 658 คน หรือวันละ 2 คน

         ในปี 2565 นี้รัฐบาลประกาศเป้าหมายว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องลดเหตุจมน้ำเสียชีวิตลงเหลือ 200-250 คน

          การจัดกิจกรรมสอนเด็กและเยาวชนให้ “ว่ายน้ำเพื่อชีวิต” โดยภาคเอกชนและหน่วยงานต่างๆมีความตื่นตัวมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา  ถือว่ามีส่วนช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของเด็กเล็กจากการจมน้ำได้  แต่ด้วยจำนวนสระว่ายน้ำที่ยังน้อย  ยังกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองใหญ่  จึงมีความต้องการสระว่ายน้ำที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนที่แตกต่างกัน         

           ช่วง 2-3 ปีหลังจะพบว่าบางเทศบาลยอมลงทุนก่อสร้างสระขนาดใหญ่เพื่อลดปัญหาเด็กเสียชีวิตทางน้ำพร้อมๆกับการสร้างนักกีฬาว่ายน้ำ  บางแห่งสร้างสระเพื่อกลุ่มผู้สูงอายุ  ให้ได้ออกกำลังกายทางน้ำเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น  เพื่อการสันทนาการรวมกลุ่มผู้สูงวัยตามแนวโน้มของสังคมไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว

          แต่สำหรับสระว่ายน้ำขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดใช้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่โรงเรียนเทศบาลเทพกระษัตรีนั้น  นางสาวสิริชรัสมิ์ ไตรรัตน์  นายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต หรือที่ชาวบ้านเรียก “นายกอิ๋ว”  กล่าวถึงโรงเรียนเทศบาลเทพกระษัตรีที่มีเด็กอยู่ประมาณ 200 คนเศษว่า  ถือเป็นโรงเรียนที่มีความทันสมัยพอสมควร  มีห้องดนตรี ห้องคอมพิวเตอร์  มีครูสอนภาษาอังกฤษ  สอนภาษาจีน  จัดงบประมาณให้เต็มที่สำหรับการศึกษาของเด็กเพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า

          นอกจากการให้การศึกษา  เสริมสร้างความรู้ ได้ใช้สมองแล้ว  การให้เด็กได้เล่นกีฬา  มีกิจกรรมรวมหมู่ ออกกำลังกาย สร้างความแข็งแกร่งทางร่างกาย  มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย  ห่างไกลและต่อต้านยาเสพติดก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ทางเทศบาลต้องการดำเนินการเพื่อเด็กและเยาวชนในพื้นที่ 

          สระว่ายน้ำของโรงเรียนที่เทศบาลลงทุนให้นั้นนายกอิ๋วบอกว่า  เพื่อให้เด็กเทศบาลที่อยู่นอกเมือง  ได้มีโอกาสทัดเทียมกับเด็กในเมือง  มีประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต  โดยเฉพาะเด็กในชั้นเตรียมอนุบาล  และอนุบาล1-3  ควรได้เรียนว่ายน้ำโดยครูสอนว่ายน้ำที่จัดจ้างพิเศษ  ฝึกสอนทักษะการว่ายน้ำที่ถูกต้องและรู้จักการเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำให้สมกับการเป็น “เด็กเกาะภูเก็ต

          สิ่งที่ทางเทศบาลคำนึงถึงคือ “ความปลอดภัย”  เช่น การลงสระว่ายน้ำของเด็กจะต้องมีครูสอนว่ายน้ำ ครูพี่เลี่ยง และครูประจำชั้นที่ต้องคอยดูแลอย่างไม่คลาดสายตา  หรือเมื่อไม่ใช้จะต้องมีการปิดล็อกประตู  มีระบบความปลอดภัยสำหรับโรงเรียน  เป็นผ้าใบคลุมสระเมื่อไม่ใช้งานเพื่อป้องกันเด็กตกสระ หรือเด็กแอบลงเล่นเองโดยพลการ 

          ช่วงเริ่มแรกให้เด็กในโรงเรียนได้ใช้ก่อน  ส่วนช่วงปิดเทอมจะเปิดโอกาสให้เด็กในชุมชนซึ่งมีอยู่ 9 ชุมชนในตำบล  ประชากรประมาณ 9,000 คน ได้มีโอกาสเรียนว่ายน้ำและเล่นน้ำด้วย  มีสถานที่ออกกำลังกายเพิ่มตามความต้องการของชุมชน

          สระว่ายน้ำของโรงเรียนเทศบาลเทพกระษัตรีมีขนาดยาว 15 เมตร กว้าง 4 เมตร ลึก 1 เมตร โครงสร้างคอนกรีตผนังอัจฉริยะของ “เจ.ดี.พูลส์” ที่มีความแข็งแรง  พื้นผิวสระไลเนอร์ที่ออกแบบและผลิตโดยทีมวิศวกรออสเตรเลียและเจ.ดี.พูลส์ สามารถตัดปัญหาการรั่วซึม ปลอดภัยจากปัญหากระเบื้องแตกร้าว หลุดร่อน  มีสัมผัสที่อ่อนนุ่มไม่ลื่น เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็ก  ดูแลทำความสะอาดง่าย  พื้นผิวป้องกันแบคทีเรีย  ใช้งบก่อสร้างประมาณ 2 ล้านบาทเศษ

          นายกอิ๋วกล่าวด้วยว่าปกติทางเทศบาลให้การส่งเสริมด้านกีฬาอยู่แล้ว เช่นกีฬาฟุตบอล  ภายในพื้นที่มีชมรมสานฝันที่สร้างนักฟุตบอลของพื้นที่  เทศบาลให้งบสนับสนุนเดินทางไปแข่งขันในสถานที่ต่างๆในนามเทศบาลเทพกระษัตรี  นอกจากนี้ยังมี “สภาเด็ก” เพื่อปลูกฝังการมีส่วนร่วมในสังคม  มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  เรียนรู้เรื่องประชาธิปไตย  เรียนรู้เรื่องการปลูกป่า เก็บขยะ อนุรักษ์ธรรมชาติโดยเฉพาะท้องทะเลที่อยู่ใกล้ตัว ฯลฯ