“ดูบ้านกรุ๊ป” อสังหาฯ มาแรง ชี้ตลาดบ้านสั่งสร้าง โตสวนกระแส

459

คุณณพิชญา ไกรชวินยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดูบ้าน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา แม้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสถานการณ์ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาเรื่องแรงงานขาดแคลน แม้จะมีอุปสรรคหลายอย่าง กลับพบว่า แนวโน้มความต้องการสร้างบ้าน ในระดับราคา 5 -10 ล้านบาท ไม่ได้ลดลงเลย อีกทั้งในต่างจังหวัด ดีมานด์สร้างบ้านระดับราคา 2-3 ล้านบาทมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านตามแบบที่ตัวเองต้องการ ทั้งในเรื่องดีไซน์และการได้เลือกใช้วัสดุที่ตอบโจทย์ด้านความพรีเมี่ยม และนวัตกรรมอันทันสมัย อาทิ ระบบสมาร์ทโฮม เต็มรูปแบบ ในราคาที่คุ้มค่า “จากแนวโน้มดังกล่าว ผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง จึงได้เริ่มตอบสนองต่อเทรนด์สร้างบ้าน ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ และผู้ประกอบหน้ารายใหม่ ซึ่ง ดูบ้าน กรุ๊ป พร้อมจะตอบสนองลูกค้า โดยเน้นดีไซน์ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ ผสานกับนวัตกรรมการอยู่อาศัย มาเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนาสินค้า และบริการ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเข้ามาปรึกษาและใช้บริการเราจำนวนมาก”

            สำหรับแรงบันดาลใจ ในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯ ว่า โดยพื้นฐานครอบครัวทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อนแล้ว โดยช่วงแรกทำโครงการบ้านขนาดเล็กราคาไม่สูงมาก เริ่มต้นจากชื่อ The Wisdom Property ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน เวลาที่คุณพ่อไปทำงานก็มักจะพาไปด้วยเสมอ จึงเป็นช่วงที่ได้เริ่มเข้ามาดูงานร่วมกับครอบครัว และได้ลองทำหลายอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่จัดซื้อ สั่งสินค้า ทำบัญชี  ดำเนินการสินเชื่อ รวมถึงพูดคุยกับลูกค้า ทำให้ได้เห็นทุกรายละเอียดของธุรกิจนี้ “พอได้สัมผัสและได้ฟังความต้องการของลูกค้าแต่ละคนที่คุณพ่อพูดคุยด้วย ประกอบกับการมีแนวคิดแบบคนยุคใหม่ที่ไม่ได้หยุดแค่ขายเท่านั้น แต่ยังนึกถึงใจลูกค้าทั้งก่อน, ระหว่าง  และหลังการตัดสินใจซื้อ เหมือนซื้อของกับเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ที่จะสานต่อธุรกิจนี้ ซึ่งนอกจากเรื่องเซอร์วิสมายด์แล้ว เราได้มองเห็นโอกาสของธุรกิจอสังหาฯ จากการมองมุมอื่นๆ ของธุรกิจ ที่ค่อนข้างมีหลากหลาย ที่ไม่ได้มีเฉพาะโครงการบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม หรือธุรกิจเช่าเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจสร้างบ้าน ขายที่ดิน รวมถึงงานต่อเติม รีโนเวท และก่อสร้างอื่นๆ”

            “เมื่อก้าวลงสนามเต็มตัว แต่ยังเป็นหน้าใหม่ของตลาด ทำให้ต้องสร้างสรรค์ไอเดียที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ ไอเดียแรกที่วางขึ้นมาคือ ‘แพลตฟอร์ม’ การที่เติบโตมาในยุคที่เห็นตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีรุ่นแรกๆ จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่การใช้สื่อป้าย สื่อวิทยุโทรทัศน์ จนเปลี่ยนมาใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างโลกเสมือนจริง ทำให้การปรับเปลี่ยนช่องทางที่จะส่งผ่านบริการ และข้อมูลไปให้ลูกค้าได้ทันยุคทันสมัย จึงเป็นสิ่งที่เราค่อนข้างทำได้ดี ประกอบกับการมองหาความโดดเด่นของตัวเอง จากที่เคยเดินตามผู้นำตลาดเจ้าใหญ่ๆ เราก็เลือกที่จะขยาย segment ของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น บ้านโครงการขนาดเล็ก จนมาถึงบริการรับสร้างบ้าน และบริการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจุดแข็งของเรา คือ การบริการที่ครอบคลุม และครบวงจร หรือ one stop service ที่บริการตั้งแต่หาที่ดิน จัดการเรื่องสินเชื่อ ออกแบบตามงบประมาณ และก่อสร้าง พร้อมส่งมอบบ้านที่สมบูรณ์ที่สุดให้ลูกค้า”

            สำหรับความโดดเด่นของธุรกิจ “ดูบ้าน เรามีจุดแข็งที่งาน Design & Construction ที่ทุกงานออกแบบ จะต้องคำนึงผู้อยู่อาศัยมากที่สุด ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัย โดยเริ่มดูตั้งแต่ที่ดิน ทิศทางลม ไปจนถึงการออกแบบทุกส่วนของบ้านให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตด้วย เช่น บางครอบครัวตอนสร้างบ้านสร้างสำหรับอยู่ 2 คน แต่เราถามลูกค้าถึงแพลนในระยะยาวด้วย หากลูกค้ามีแพลนจะมีลูก หรือย้ายผู้สูงอายุมาอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรานำไปประยุกต์กับการออกแบบ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานบ้านได้ยาวนานที่สุดด้วย และยังถือคติว่างานก่อสร้างต้องตรงปก เหมือนงานออกแบบ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่า งานเนี้ยบตรงปกทุกหลัง”

            เป้าหมายหลัก ของ “ดูบ้าน” คือ การเป็น แพลตฟอร์ม PropTech ที่รวมบริการไม่ว่าจะเป็นบ้านโครงการพร้อมอยู่, บริการออกแบบและสร้างบ้าน, และบริการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ทั้งบ้านและที่ดิน โดยตั้งเป้าหมายเริ่มต้นจากจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อเป็น Top of Mind ในใจของลูกค้า ในด้านบริษัท ที่ให้บริการด้านอสังหาฯ แบบครบวงจร “เราเป็นบริษัท รับสร้างบ้านที่ครอบคลุม ดูแลตั้งแต่บริการจัดหาที่ดิน ออกแบบและก่อสร้างบ้านตามงบประมาณ จัดสวน รีโนเวท ตกแต่งภายใน พร้อม Property List บ้านพร้อมอยู่ให้เลือกทุกระดับราคา พร้อมบริการยื่นสินเชื่อ ซึ่งทั้งหมดนี้จะกลายเป็นระบบ Ecosystem ในแพลตฟอร์มในอนาคต ที่เอื้อประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ตั้งแต่ลูกค้า และผู้ที่มีส่วนในกระบวนการคนอื่นๆ เช่น นายหน้า นายหน้าอิสระ และ ผู้รับเหมารายย่อย”