ชื่อของ “ไห่หนาน”หรือ“ไหหลำ” เป็นชื่อที่คนไทยคุ้นเคยมาช้านาน เนื่องจากไทยมีประชากรเชื้อสายไห่หนานอยู่จำนวนมาก มีการรักษาวัฒนธรรมไห่หนานไว้อย่างเหนียวแน่น และยังมีการรวมกลุ่มที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก
ในบรรดาประเทศพันธมิตรทางการค้าของไทย จีนเป็นประเทศคู่ค้าและตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยมาโดยต่อเนื่อง ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันในปีที่ผ่านมาสูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 18.26 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยรวม และสำหรับมณฑลไห่หนานในปี 2563 แม้ว่าโลกจะเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 แต่การค้าระหว่างมณฑลไห่หนานกับไทยยังคงมีมูลค่าสูงถึงราว 9,233 ล้านบาท (295.07 ล้านเหรียญฯ)
พลันที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีเปิดงาน CIIE ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติเพื่อการเจรจาทางการค้าส่งเสริมการนำเข้าตามนโยบายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2563 และได้รับฟังคำกล่าวเปิดงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาจีนในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งมีประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น คือ 1. จีนจะสนับสนุนความร่วมมือทางการค้าทั้งพหุภาคีและทวิภาคี และ 2.จีนจะใช้เขตการค้าเสรีภายในประเทศเป็นพื้นที่ทดสอบนำร่องที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถขยายการเปิดเสรีภาคเศรษฐกิจดิจิทัล และไห่หนานก็ได้อยู่ในแผนการพัฒนาดังกล่าวด้วย นั่นคือการจุดประกายการค้าไทย-ไห่หนาน ยุคใหม่ในมุมมองของ รมว.กระทรวงพาณิชย์ของไทย
“ผมขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้วางแผนยกระดับให้ไห่หนานเป็นเมืองท่าการค้าเสรีที่มีอัตลักษณ์ ซึ่งถือเป็นนโยบายการเปิดประเทศที่สำคัญของจีน อันจะช่วยเอื้อต่อการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ และผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพที่มีของไห่หนานจะส่งผลให้ไห่หนานก้าวขึ้นสู่การเป็นเมืองท่าสากลระดับโลก ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนมีเชื้อสายไห่หนาน และได้มีโอกาสไปร่วมงานที่สมาคมใหหนำแห่งประเทศไทยหลายครั้ง ซึ่งสมาชิกหลายคนได้แสดงความสนใจในการไปทำธุรกิจที่บ้านเกิดของบรรพบุรุษ ความสนใจดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายที่ตนได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์ของไทยไว้ตั้งแต่เมื่อเข้ารับตำแหน่ง โดยขอให้เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าในระดับต่างๆ เพื่อลดอุปสรรคและแสวงหาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เผชิญทั้งกับความท้าทายและความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ
ไห่หนานกลายเป็นมณฑลแรกในจีนที่กระทรวงพาณิชย์ไทยได้จัดทำพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้า (Mini FTA) ไทย-ไห่หนาน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะเป็นวันครบรอบ 101 ปีของการสถาปนากระทรวงพาณิชย์ของไทย ยังเป็นวันครบรอบ 69 ปีของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยอีกด้วย พิธีลงนาม MOU ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นก้าวที่มีความสำคัญ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ไทย และกรมพาณิชย์ไห่หนาน ที่จะช่วยสร้างความร่วมมือทางการค้าระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่การค้าบนพื้นฐานความร่วมมือฉันท์มิตรระหว่างกันตลอดไป
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือนี้ถือเป็น Mini-FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ว่าให้ทำ FTA ฉบับเล็กหรือเรียกได้ว่า Mini-FTA กับรัฐต่างๆที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือมีจำนวนประชาชนมากกว่าประเทศไทย ไห่หนานเป็นตัวอย่างแรกที่เกิดขึ้นกับประเทศจีนโดยเนื้อหาประกอบด้วย 5 ด้านคือ
1. ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน
2. ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการค้า ด้านสินค้า ด้านนวัตกรรมและการตลาด รวมทั้งการส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า
3. ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน เช่น การเดินทางของนักธุรกิจ การจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน
4. ด้านการมุ่งขยายมูลค่าการค้าใน 3 สินค้าหลัก ประกอบด้วย 1)สินค้าทางด้านการเกษตร 2)สินค้าอาหาร 3)สินค้าอุตสาหกรรม
5. ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซ เช่น การส่งเสริมการค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆของจีนและไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 12,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2566
ด้านทางการจีน นายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าวผ่านระบบทางไกลว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการสร้างกลไกความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ต่อจากนี้เป็นการขยายความร่วมมือระหว่างมณฑลไห่หนานและประเทศไทย ทั้งทางด้านธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสังคม เป็นต้น ทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันโอกาสใหม่ๆ แสวงหาการพัฒนาใหม่ในอนาคตร่วมกัน พร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวไทยมาท่องเที่ยวและร่วมลงทุนพัฒนาธุรกิจที่มณฑลไห่หนาน
“พวกเราจะใช้การบริการที่ดีเยี่ยมและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจชั้นหนึ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในมณฑลไห่หนาน รวมไปถึงการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย และการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ” นายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าว