ธุรกิจประกันชีวิตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการระบาดของวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยผลการดำเนินงานของธุรกิจประกันชีวิต 4 เดือนแรก ปี 2564 (มกราคม-เมษายน) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 195,544.03 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.25 แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 56,227.53 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10.38 ซึ่งประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 31,107.34 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 6.35 เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 25,120.19 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 41.72 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 139,316.51 ล้านบาท เติบโต ร้อยละ 0.63 อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ร้อยละ 81 แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังมั่นใจระบบประกันชีวิตทั้งในแง่การออมเงิน และ การคุ้มครองความเสี่ยง
สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตสูงคือผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal Life และ Unit Linked) ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 14,509.89 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงถึงร้อยละ 103.47 ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 32,025.87 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.77 และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่อาจจะยังมีเบี้ยประกันภัยรับรวมไม่สูงมากนักแต่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.57
การทำประกันชีวิตนอกจากจะมีบริษัทประกันชีวิตช่วยคุ้มครองเงินออมและความเสี่ยงให้กับเราแล้ว ยังมี “กองทุนประกันชีวิต” ช่วยดูแลเงินกรมธรรม์อีกหนึ่งชั้น เช่น ประชาชนที่เคยส่งเบี้ยประกันชีวิตไประยะเวลาหนึ่งจนลืมและยังไม่ได้ขอรับเงินคืน จนกลายเป็นเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ จาก สาเหตุหลักๆ 4 ประการคือ
- บริษัทประกันไม่สามารถติดต่อผู้เอาประกันชีวิตบางรายได้ เนื่องจากสาเหตุ เช่น ย้ายที่อยู่แล้วมิได้แจ้งให้บริษัทประกันทราบ
- ผู้เอาประกันชีวิตบางราย เสียชีวิตโดยมิเคยแจ้งให้ทายาท หรือผู้รับประโยชน์ทราบว่าตนได้ทำประกันชีวิตไว้ ทำให้ผู้รับประโยชน์หรือทายาทของผู้เอาประกัน มิได้เรียกร้องเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์
- ผู้เอาประกันชีวิตบางรายไม่ส่งเบี้ยประกันต่อทำให้กรมธรรม์ขาดความคุ้มครอง แต่ไม่ทราบว่ากรมธรรม์มีมูลค่าเงินสดเหลืออยู่
- ผู้เอาประกัน ได้รับเช็คจากบริษัทแล้ว แต่มิได้นำเช็คไปขึ้นเงินจนลืม
สถานะเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ จึงเป็นเงินที่ผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือทายาทของผู้เอาประกันฯ มีสิทธิได้รับตามกรมธรรม์ แต่ไม่ได้ไปรับหรือร้องเรียนจากบริษัทประกันชีวิตจนพ้นอายุความภายใน 10 ปี แล้วเงินนั้นถูกส่งจากบริษัทประกันชีวิตมาไว้ในกองทุนประกันชีวิต ซึ่งจะดูแลเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความนี้อีกเป็นเวลา 10 ปี โดยข้อมูลล่าสุดสิ้นปี 2563 มีเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความคงค้างอยู่ในกองทุนประกันชีวิต 1,373,860,590 บาท จากจำนวนผู้มีสิทธิที่ยังไม่มารับอีก 1,000,482 ราย
ขณะที่ช่วงนี้ประชาชนกำลังได้รับความลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวันต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมามากขึ้น เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมารุนแรงอีกรอบ ดังนั้นเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของประชาชน ทางกองทุนฯ จึงได้เร่งทำการเผยแพร่ วิธีการตรวจสอบเช็กสิทธิการรับเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ หวังว่าจะทำให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของผู้คนเป็นวงกว้างมากขึ้นด้วย แล้วจะได้บอกต่อๆ กันให้เข้าไปเช็กสิทธิในเว็บไซต์หรือสื่อต่างๆที่กองทุนฯจัดทำขึ้นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิของตนเอง ผ่านเว็บไซต์ของกองทุนประกันชีวิต www.lifeif.or.th โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนกรอกลงในโปรแกรม ตรวจสอบสิทธิเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ หรือบนหน้าเว็บไซต์ของกองทุนฯ https://lifeif.appspot.com/enquiry
