โดย ทุ่งทะเล
การที่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีกลับกลายเป็นผลดีต่อพรรคพปชร. ทำให้มีเวลาทุ่มเทและใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่สำหรับการบริหารงานพรรคในฐานะเป็นแม่บ้าน
ที่สำคัญก็คือการเตรียมผู้สมัครลงรับเลือกตั้งภายใต้กติกา บัตร 2 ใบ
“ตอนนี้เรามีว่าที่ผู้สมัครครบทุกจังหวัดแล้ว” เขากล่าวไว้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมาในโอกาสเดินทางไปจังหวัดขอนแก่นเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนภาคอีสานของพปชร.ซึ่งมีความพร้อมเช่นกัน
นอกจากเขาจะสบายใจที่หัวหน้าพรรค “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯให้ความไว้วางใจซึ่งบิ๊กป้อมก็แสดงความชื่นชมที่ภารกิจที่มอบหมายมีความคืบหน้า และสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ขณะเดียวกัน การได้อาจารย์แหม่ม ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกมาร่วมงานเคียงบ่าเคียงไหล่ ทำให้ผู้กองอบอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
ตลอด 3 เดือนเศษ นับแต่ผู้กองธรรมนัส และอาจารย์แหม่มพ้นจากตำแหน่งรมช.เกษตรฯและรมช.แรงงานเมื่อเดือนกันยายนจนถึงบัดนี้ 2 ขุนพลคู่บารมีหัวหน้า “บิ๊กป้อม” ได้ควงคู่ลงพื้นที่ไปตามจังหวัดต่างๆครบทั้ง 4 ภูมิภาคพรั่งพร้อมด้วยส.ส.ของพรรคที่มาร่วมในการประชุมมวลสมาชิก แกนนำตลอดทั้งสาขาพรรคและตัวแทนภาค และการกำหนดตัวผู้สมัครส.ส. เช่น สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น น่าน พัทลุง ฯลฯ
แต่ละจังหวัดที่ไปนั้น มีผู้มาร่วมหลายร้อยคนจนถึงหลักพันคน ผู้กองนัสและอาจารย์แหม่มได้ปราศรัยปลุกเร้าผู้ร่วมประชุมให้ผนึกกำลังกัน และได้พูดคุยกับแกนนำ
การเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไป ผู้กองธรรมนัสไม่ประมาทเพราะการเลือกตั้งอาจเกิดช้าหรือเกิดเร็วได้ตลอดเวลา
“วันนี้ได้มาพบตัวแทนพรรคและสมาชิกพรรคจังหวัดพัทลุงเพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้ เพราะการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน เราจะร่วมมืออย่างเข้มแข็งในการเข้าไปขับเคลื่อนนโยบายพรรค..” ร.อ.ธรรมนัสกล่าวปราศรัยกับตัวแทนพรรค ตัวแทนเขตและสมาชิกจังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งที่จังหวัดพัทลุง ได้ตระกูล “ธรรมเพชร” มาร่วมขบวนทัพสู้ศึกเลือกตั้ง
แต่สิ่งที่แน่นอน และเป็นศึกเฉพาะหน้า คือ การเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต1 จังหวัดชุมพร และเขต6 จังหวัดสงขลาเพื่อแทนตำแหน่งที่ว่างเนื่องจาก ชุมพล จุลใส หรือลูกหมี พรรคปชป.และถาวร เสนเนียม พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)พ้นจากตำแหน่ง วันเลือกตั้งกำหนดไว้วันที่ 16 มกราคมปีหน้า
ทั้ง 2 สนามแดนใต้นี้ พปชร.ต้องขับเคี่ยวกับปชป.เจ้าของพื้นที่ เป็นธรรมดาที่ปชป.ต้องรักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้ แต่พปชร.ก็ต้องการชิงชัยยึดมาเป็นของตัวเองให้ได้
เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน สำหรับการรณรงค์ในศึกแห่งศักดิ์ศรีและบทพิสูจน์ของ ผู้กองธรรมนัสในการทำหน้าที่เป็นแม่ทัพเลือกตั้งซ่อมตามที่บิ๊กป้อมมอบหมาย
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเลือกตั้งซ่อม ผู้กองธรรมนัสนำทีมในฐานะเสนาธิการใหญ่ชนะรวดมาโดยตลอด คู่แข่งอย่างปชป. เพื่อไทย เสรีรวมไทย ต้องกระอักเลือดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขอนแก่น เขต 7, ลำปาง เขต4, สมุทรปราการ เขต 5 และนครศรีธรรมราช เขต 3
การเป็นแม่ทัพเลือกตั้งซ่อมในทุกครั้งของแต่ละสนาม ผู้กองธรรมนัสกรำศึกมาอย่างโชกโชน สะท้อนให้เห็นศักยภาพและกลยุทธ์ในการวางแผนการเลือกตั้งที่ตัดสินกันด้วยคะแนนเสียงของผู้ใช้สิทธิ์
จากนี้ไป ในแต่ละวัน จะมีความหมายอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ผู้กองธรรมนัส แต่รวมถึงพรรคที่จะลงสนามเพื่อต่อกรวัดศรัทธาประชาชนโดยเฉพาะพรรคปชป.เจ้าของพื้นที่
ผลการเลือกตั้งซ่อมที่จะรู้กันในวันที่ 16 มกราคม 2565 มิได้ส่งผลแค่ 2 เก้าอี้ใครจะช่วงชิงไปครองเพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งในสภาอีก 2 คะแนน
แต่หมายถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของพรรค
ซึ่งกระทบไปถึงความรู้สึกของชาวบ้านในเมืองหลวงที่จะมีการเลือกตั้งสนามใหญ่อีกไม่นานในสนามกรุงเทพฯ
ร.อ.ธรรมนัส และอาจารย์แหม่มหลังจากพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความอาลัยอาวรณ์หรือเศร้าสะเทือนใจจนหมดเรี่ยวแรงที่จะทำงานให้กับพรรคพปชร. ไม่มีการผูกพยาบาทใคร
ในทางตรงกันข้าม เขากลับมุมานะ มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อพรรคมากยิ่งขึ้น ดังปรากฏให้เห็นผลงานจากชัยชนะในฐานะผู้รับผิดชอบเลือกต้ังซ่อมหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งหัวหน้าพรรค “บิ๊กป้อม” และเพื่อนร่วมพรรคพปชร. ประจักษ์แจ้งแก่ใจเป็นอย่างดี
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ วิกฤติสร้างยอดคน
จึงตรงกับชีวิตทางการเมืองของร.อ.ธรรมนัส รวมทั้งอาจารย์แหม่ม ดร.นฤมล
2 สหายที่จะกอดคอกันไปเพื่อรอวันแห่งความสำเร็จ
หรือบางที่บิ๊กป้อมอาจกำลังคิดอะไรอยู่กับการสนับสนุนส่งเสริมขุนพลซ้ายขวาคู่นี้ เพื่อให้การวางแผนเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศมีพลังเข้มแข็งสุดขีด
พร้อมสำหรับการสร้างปรากฏการณ์พรรคพลังประชารัฐกวาดที่นั่งส.ส.แบบ “แลนด์สไลด์”เพื่อสยบพรรคเพื่อไทยให้ได้
